โกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุด กับเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่
“ที่สุดของรถไฮบริดในกลุ่ม B-Segmentประหยัดกว่า แรงกว่า กว้างกว่า ปลอดภัยกว่า”
NEW MG3 HYBRID+ รถแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตู โกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี จากสายการผลิตในประเทศไทยรถในกลุ่ม B-Segmentโดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+เทคโนโลยีใหม่จาก เอ็มจี ที่พร้อม
มอบประสบการณ์การขับขี่ผสานความลงตัวของทุกระบบไฮบริด สู่นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนทุกความคุ้นชิน
ของรถไฮบริดในรูปแบบเดิมๆด้วยขุมพลังไฮบริดมากถึง 8 โหมดขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของผู้ขับขี่สามารถขับได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตรแตกต่างด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมมอบความคุ้มค่ามากที่สุด และการันตีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมด้วยรางวัล
และผลการทดสอบโดยทีมวิศวกรรมชั้นนำระดับโลก
GLOBAL EXTERIORDESIGN สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว คล่องตัว
ALL NEW MG3 HYBRID+โดดเด่นเหนือใครด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ผสานระหว่างความสปอร์ต
และความหรูหราได้อย่างลงตัวปราดเปรียวและคล่องตัวในสไตล์รถแอทช์แบ็ก มาพร้อมความเท่และดุดันด้วยการดีไซน์ไฟหน้าแบบใหม่ Hunter Eye Headlampหรือ ดวงตานักล่าที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่
ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบรอบตัวถังเน้นความโค้งมนตามแบบฉบับของ เอ็มจี
- มิติตัวถัง 4,113 x 1,797 x 1,502มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
- ระยะความยาวฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร
- ไฟหน้าแบบ LEDพร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สาม
- ไฟตัดหมอกหลัง
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และพับอัตโนมัติ
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมใบปัดน้ำฝนด้านหลัง
- ล้ออัลลอยด์ขนาด 16นิ้ว
INTERIOR DESIGN: ภายในสปอร์ตอย่างมีสไตล์ สะดวกสบาย ครบจบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน
ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้Modular Conceptที่ให้ความสำคัญกับวัสดุที่มีคุณภาพพร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ เน้นความสะดวก
ในการใช้สอยสำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสารทั้งเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน โดยเฉพาะการออกแบบ
ห้องโดยสารที่โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ(Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room) ที่ไม่อึดอัด
โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ถือเป็นรถที่กว้างที่สุดในคลาสเดียวกันโดยเฉพาะห้องสัมภาระท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
- กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down ด้านผู้ขับขี่
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi – Function Display) และหน้าจอสี
ระบบสัมผัสขนาด 25นิ้ว - ลำโพง 6 จุด
- ช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร25 จุด
- เบาะนั่งคนขับปรับ6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
- ที่พักแขนด้านหน้า และเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
- ระบบกรองอากาศ PM 5
PERFORMANCE:ขับสนุกเหมือนรถไฟฟ้า เร็วกว่าเพราะไม่ต้องรอชาร์จไฟ สมรรถนะและประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารถไฮบริดทั่วไปใน B-Segment
ALL NEW MG3 HYBRID+ซึ่งให้กำลังมากที่สุดในคลาสเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรกำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์)ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า
(100 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรแรงสุดในกลุ่ม B-Segmentสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาทีและอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 5 วินาทีผลลัพธ์จากเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ของเอ็มจี อย่างระบบ HYBRID+กับ 8 โหมดขับเคลื่อนที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร และขับสนุกที่สุดในคลาส
- การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินDOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DVVT 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ High-performance Permanent Magnet Synchronous Motors กำลังสูงสุด 136 แรงม้า
ให้ขุมพลังรวมสูงสุดถึง194 แรงม้า(143 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรบิดส แรงม้า ละดีที่สุดของ าพ - แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ ในรูปแบบ Cell-To-Pack ความจุ 1.83 kWh ซึ่งมีความจุมากที่สุด
ในรถขนาดเดียวกัน - โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT
- ระบบส่งกำลังHybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ
- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
- รัศมีวงเลี้ยว2เมตร
- ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
- ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam
- ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
SAFETY: มอบความปลอดภัยเหนือระดับทุกการเดินทาง
ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame)เพียบพร้อม
ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEMซึ่งรวม
ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวย
ความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน8 ระบบพร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH(Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS(Anti-lock Braking System)พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start AssistSystem)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) โดยผสานรวมระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลนLDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนLKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA (Intelligent Cruise Assist)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องรอบคัน 360 องศาแบบ High Definition
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)