หัวเว่ยผนึกกำลังจังหวัดนครศรีธรรมราชและ สกมช. ยกระดับการพัฒนาบุคลากรดิจิทัลไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการ “รถดิจิทัลกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ห่างไกล”

นครศรีธรรมราช,ประเทศไทย,21พฤศจิกายนพ.ศ. 2566–บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด ผสานความร่วมมือกับทางจังหวัดนครศีธรรมราช ร่วมด้วยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมพิธีเปิดโครงการ “รถดิจิทัลกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ห่างไกล” ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21 – 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2566โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงที่หัวเว่ยดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาองค์ความรู้เทคโนโลยีในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทย โดยตั้งเป้าฝึกอบรมความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่นักเรียน 3,000คน และปีนี้ได้เพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับไซเบอร์และพลังงานสะอาดครั้งนี้รถดิจิทัลเพื่อสังคมเดินทางไปที่โรงเรียนขนอมพิทยาตำบลขนอมอำเภอขนอมจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งต่อยอดเรื่องพลังงานสะอาดและการอนุรักษ์ธรรมชาติให้แก่คนรุ่นใหม่

นายขจรเกียรติรักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้กล่าวถึงโครงการ “รถดิจิทัลกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ห่างไกล” ที่ได้จัดขึ้น ณ โรงเรียนขนอมพิทยา ว่า “การเร่งพัฒนาบุคลากรของประเทศถือเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลซึ่งการสร้างบุคลากรทางดิจิทัลถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศ สำหรับความร่วมมือในโครงการครั้งนี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการยกระดับการศึกษาของประเทศไทย ผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งในเชิงทฤษฏีและปฎิบัติให้กับเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงการปลูกฝังจิตสำนึกและความรู้ในเรื่องพลังงานสะอาดและการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับเยาวชนของจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งจะสามารถผลักดันบุคลากรให้ก้าวสู่การเป็นบุคลากรไอซีทีที่มีคุณภาพของประเทศไทยต่อไปในอนาคต สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด 5 ปี (พ.ศ.2566-2570)ซึ่งมีหนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

พลอากาศตรีอมรชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติได้กล่าวถึงโครงการความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ในปัจจุบันประเทศไทย มีจำนวนประชากรอินเทอร์เน็ตมากถึง 61.21 ล้านคนคิดเป็น 85.3% ของประชากรทั้งประเทศใช้เวลาบนโลกออนไลน์และดิจิทัลสูงถึง 8 ชั่วโมงต่อวันและใช้โมบายล์แบงก์กิ้งติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกดังนั้นการให้ความรู้ความเข้าใจกับประชากรในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของประเทศ และเป็นสิ่งที่สกมช. กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งรวมถึงในด้านการสร้างองค์ความรู้ให้กับเยาวชนไทยในพื้นที่ห่างไกล ให้มีความพร้อมในการรับมือกับภัยบนโลกไซเบอร์ทั้งด้านการป้องกันและการรับมือเมื่อเกิดเหตุ โครงการรถดิจิทัลกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ห่างไกลซึ่งริเริ่มโดยหัวเว่ย ถือเป็นโครงการที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและองค์กรชั้นนำ ที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลรุ่นใหม่ของประเทศ และมุ่งสู่การสร้างบุคลากรไอซีทีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานของไทยต่อไปในอนาคต”

นายสุรชัยฉัตรเฉลิมพันธุ์ ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนบุคคล บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัดได้ให้ข้อมูลว่า “ในปัจจุบันประเทศไทยยังคงเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านดิจิทัลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลการบ่มเพาะทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลจึงถือกุญแจในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศ ซึ่งหัวเว่ยประเทศไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเสมอภาคและยกระดับคุณภาพผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านโครงการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโครงการเรือธงอย่างรถดิจิทัลเพื่อสังคมโดยโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ในการส่งมอบองค์ความรู้พัฒนาทักษะและผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่จะพัฒนาประชาชนในพื้นที่ห่างไกลให้ได้รับองค์ความรู้อย่างเท่าเทียม ซึ่งหัวเว่ยมองว่าในปัจจุบันทักษะด้านเทคโนโลยีคือสิ่งสำคัญที่ควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันรวมถึงต่อยอดการประยุกต์ไปสู่สายอาชีพของผู้เรียนด้วย”

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาหัวเว่ยได้เดินหน้าต่อยอดโครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมผ่านการผนึกกำลังกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรภาคเอกชน ในการนำรถดิจิทัลบัส ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 5G, AI, IOT, คลาวด์ ฯลฯ ที่หัวเว่ยได้พัฒนาขึ้น เพื่อเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรไอซีทีในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทยในจังหวัดต่างๆกว่า13จังหวัด จนถึงปัจจุบัน โครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมสามารถสร้างองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ รวมถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเสริมทักษะให้กับบุคลากรของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษานอกจากนี้หัวเว่ยยังได้ทำงานร่วมกับส่วนงานพาณิชย์จังหวัดพะเยากระทรวงพาณิชย์เพื่อฝึกอบรมเทรนด์เทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่รวมถึงกลุ่มฝีมือแรงงานทั้งในและนอกระบบโดยได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกระทรวงแรงงานสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์จำนวน 700 คนสำหรับโครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยร่วมมือกับสกมช.  ในการสร้างองค์ความรู้เรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทางโรงเรียนขนอมพิทยามีอาคารศูนย์ USO Net ของ สำนักงาน กสทช.ในการใช้เป็นห้องเรียนคอมพิวเตอร์ และครั้งนี้มีเยาวชนกว่า 300คน เข้าร่วมการฝึกอบรมองค์ความรู้เชิงลึกนอกจากจะมีการบ่มเพาะองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนบุคคลให้ประชากรในพื้นที่ห่างไกลสามารถรับมือกับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ในปัจจุบันแล้ว กิจกรรมในครั้งนี้ยังมุ่งสร้างความตระหนักและจิตสำนึกให้กับเยาวชนในด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน รวมไปถึงการปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านกิจกรรมปลูกต้นไม้ภายในสถานศึกษา เพื่อนำประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำพันธกิจ“เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทยร่วมสนับสนุนประเทศไทย” ของหัวเว่ยในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคตอย่างแท้จริง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *