ชไนเดอร์อิเล็คทริคแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองไฟ (UPS) แบบ 3 เฟสโดยเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ จำเป็นต่อการดำเนินงาน เช่น ศูนย์ข้อมูล เฮลธ์แคร์และการดำเนินงานที่ต้องการความเที่ยงตรง รวมถึงการผลิตที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง โดยมีความจุพลังงานให้เลือกตั้งแต่ 5 กิโลโวลต์แอมป์ไปจนถึงเมกะวัตต์
หน้าที่สำคัญของUPS 3เฟสคือการให้คุณภาพไฟฟ้าที่เสถียรแก่อุปกรณ์และเป็นพลังงานสำรองในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งการมีแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ จะยิ่งเป็นการเพิ่มคุณภาพและความเสถียรของพลังงาน ซึ่งอุปกรณ์จะใช้พลังงานจำนวนมากในระหว่างการแปลงพลังงาน โดยปกติอุปกรณ์จะทำงาน 24 ชั่วโมง ตลอด 365 วัน ดังนั้นการสูญเสียพลังงานจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างที่เครื่องทำงาน
โหมด Double Conversion สำหรับ UPS 3เฟส เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 20ปีในแง่การป้องกันแบบ’normal’ โดยมีประสิทธิภาพเฉลี่ยประมาณ96% แม้ว่าตัวเลขประสิทธิภาพจะดูสูงก็ตาม แต่หมายความว่า4% ของไฟฟ้าทั้งหมดสูญเสียไปกับการกระจายความร้อนเพื่อให้ UPS ทำงานด้วยเช่นกัน
ชไนเดอร์อิเล็คทริคมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุดในการดำเนินงานต่างๆ จึงลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้าง UPS ที่นอกจากจะให้ประสิทธิภาพสูงสุดในโลกแล้วยังให้คุณภาพของไฟฟ้าที่ดีที่สุดอีกด้วย
ชไนเดอร์อิเล็คทริค ได้คิดค้นโหมดeConversionซึ่งจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยความโดดเด่นคือช่วยลดการสูญเสียไฟฟ้าได้มากจากความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างที่ UPS ทำงาน จึงช่วยลูกค้าประหยัดเงินและลดการปล่อยคาร์บอนได้ ซึ่งการช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้นอีกทั้งประหยัดเงินคือแรงจูงใจที่ดี
หลักการทำงาน
eConversionเป็นโหมดสำหรับ UPS แบบ 3 เฟส ที่เป็นสิทธิบัตรของชไนเดอร์อิเล็คทริคที่ช่วยให้เวลาในการสลับโหมดการทำงานเป็นศูนย์จึงให้ประสิทธิภาพสูงสุดถึง 99% โดยสถาปัตยกรรมดังกล่าวจะทำการตรวจสอบคุณภาพของพลังงานที่จ่ายจากกริดในแบบไดนามิก
หากคุณภาพไฟฟ้าเพียงพอ ก็จะจ่ายไฟให้กับโหลดโดยตรง (ผ่านstatic switch) แต่อินเวอร์เตอร์จะยังคงทำงานควบคู่ไปพร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่ การแก้ไขตัวประกอบกำลัง และการชดเชยฮาร์มอนิกส์(harmonics) ตามรายละเอียดในหมายเหตุการณ์ใช้งาน
ซึ่งหากคุณภาพของกริดไม่เพียงพอ UPS จะเปิดโหมด Double Conversion โดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเงื่อนไขทุกอย่างเป็นไปตามต้องการ ก็จะกลับสู่eConversionในทำนองเดียวกัน ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์กับกริด (เช่น ไฟดับ ไฟฟ้าลัดวงจร) UPS จะปรับไปสู่การทำงานด้วยแบตเตอรี่ในทันทีโดยไม่เกิดการหยุดชะงักไม่มีการสะดุดเมื่อเปลี่ยนโหมด
เทคโนโลยีนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรและได้รับการรับรองจาก UL (Underwriter Laboratories)ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ของชไนเดอร์อิเล็คทริคที่ช่วยยกระดับการป้องกันในมาตรฐานIEC 62040-3 คลาส1(หมวดหมู่สูงสุด) ซึ่งได้รับการพิสูจน์ด้านประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ Double Conversion
เทคโนโลยีนี้คล้ายคลึงกับเทคโนโลยี Start-stop ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ประสบความสำเร็จในการลด CO2 ลงได้อย่างมากโดยที่ยังคงความความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบายด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดของการทำงานแบบ Start-Stop ของรถยนต์ คือเครื่องยนต์จะหยุดทำงานเมื่อรถไม่ได้ทำงานอย่างช่วงติดไฟแดงหรือการจราจรหนาแน่น โดยการทำงานของเครื่องยนต์จะหยุดโดยอัตโนมัติ เมื่อรถไม่มีการเคลื่อนที่
การปรับปรุงประสิทธิภาพ 2-3% ช่วยได้มากแค่ไหน
ในกรณีที่ระบบเหล่านี้ทำงานตลอด 24/365 เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญมากการทำงานในโหมดeConversionไม่ว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูลหรือโรงงานผลิตสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าต่อปีได้มากเท่ากับการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อป 30 หลังคาเรือน (กำลังการผลิต 3kWcต่อแห่ง) นั่นคือปริมาณไฟฟ้าที่ต้องใช้ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 50 คันทุกปี (อ้างอิงจากTesla model 3)
การปรับปรุงต้นทุนในการเป็นเจ้าของ หรือTCO (Total Cost of Ownership) ก็มีความสำคัญเช่นกัน ช่วยประหยัดไฟฟ้าต่อปีอยู่ที่ 13.5k€ โดยภายในเวลา 10 ปี จะช่วยประหยัดเงินประมาณ 3 เท่าจากที่ลงทุนไปกับUPS
นอกจากจะประหยัดเงินแล้วลูกค้ายังสามารถลดการปล่อย CO2 ได้อย่างมากเช่นกัน
ดังนั้นมีหลายวิธีที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่บริษัทสามารถทำได้คือการลงทุนในเทคโนโลยีและโซลูชันประหยัดพลังงานในโหมด eConversionซึ่งเป็นสิทธิบัตรของชไนเดอร์อิเล็คทริคโดยเป็นการผสมผสานจุดเด่นไว้ด้วยกัน ทั้งให้การป้องกันสูงสุดและให้ประสิทธิภาพสูงสุดในคราวเดียวกัน เมื่อลูกค้าเริ่มใช้งาน ต่างก็ยืนยันถึงผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในระยะเวลาอันสั้นจึงช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวมในขณะที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในทันที
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับeConversionคลิก ที่นี่