กรุงเทพฯ5ตุลาคมพ.ศ. 2566 – พลังงานแสงอาทิตย์คือพลังงานที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแทบไม่มีที่สิ้นสุด ในช่วงเวลาที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญกับอนาคตสีเขียวและแหล่งพลังงานทดแทนมากขึ้นทำให้หลายองค์กรในหลากอุตสาหกรรมหันมาเลือกใช้เทคโนโลยี “โซลาร์เซลล์”เพื่อแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ทดแทนการใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าในรูปแบบเดิม ที่เริ่มกลายเป็นต้นทุนของการดำเนินการที่สูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อสิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการประกอบกิจการแทบทุกรูปแบบ ทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตธุรกิจด้านการบริการต่างๆไปจนถึงธุรกิจประเภทศูนย์สรรพสินค้าที่ใช้ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมากในแต่ละวันเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายใช้บริการในสถานที่ตั้งแต่เช้าจนค่ำเทคโนโลยีด้านพลังงานดิจิทัลจึงกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนที่องค์กรหันมาให้ความสำคัญและลงทุนติดตั้งเพื่อประยุกต์ใช้พลังงานทดแทนอย่างเต็มที่โดยหวังให้อนาคตของทั้งองค์กรและคุณภาพชีวิตของประชากรไทยมีความความยั่งยืนไปด้วยกัน
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จที่น่าสนใจคือโครงการของศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ โดยดร. พรตซอโสตถิกุลรองกรรมการผู้จัดการสำนักปฎิบัติการบริษัทซีคอนดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จของศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ในการนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาใช้ในศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์สาขาศรีนครินทร์และสาขาบางแคว่า“ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเราพยายามมองหาว่าเราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนไหนลงได้บ้าง ซึ่งเมื่อดูจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราใช้ในการดำเนินธุรกิจ เราพบว่าค่าไฟฟ้าเป็นต้นทุนที่มีสัดส่วนสูงกว่าค่าใช้จ่ายอื่น ๆเราจึงเริ่มหาทางลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ โดยการเปลี่ยนหลอดไฟในศูนย์การค้าทั้งหมดให้เป็นLED และอื่น ๆ ซึ่งสุดท้ายก็ลดค่าใช้จ่ายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเราจึงเริ่มหันมาศึกษาเรื่องเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ เพราะเห็นหลายประเทศเริ่มใช้งานกันแล้ว” ทำให้ในปัจจุบันเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์สามารถช่วยให้ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์สาขาศรีนครินทร์ประหยัดไฟไปได้ 47 ล้านบาทต่อปีในขณะที่ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์สาขาบางแคสามารถประหยัดไฟลงไปได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของสาขาศรีนครินทร์”
เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าภายหลังการติดตั้งโซลาร์เซลล์ผลที่ได้คือสามารถลดค่าไฟได้มากถึง 15-17% ในศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ทั้ง 2 สาขาทำให้ในอนาคตทางบริษัทยังมีแผนที่จะติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์เพิ่มขึ้นอีก 1 เมกะวัตต์รวมกับของเดิมกลายเป็น 6 เมกะวัตต์และจะติดตั้งเพิ่มเติมให้กับบริษัทในเครือไม่ว่าจะเป็นนันยางเรเนซองส์ภูเก็ตรีสอร์ทแอนด์สปาไทยชูรสฯลฯซึ่งความสำเร็จในการลดการใช้ปริมาณไฟฟ้าเปรียบได้กับการปลูกต้นไม้หลายแสนต้นทำให้ทางซีคอนดีเวลลอปเมนท์กลายเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ตอบแทนสังคมด้วยการรักษาทรัพยากรธรรมชาติผ่านการใช้เทคโนโลยีช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (Carbon
Emission) เพื่อรักษาวัฏจักรธรรมชาติตอบรับกับเทรนด์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต
“เราตั้งใจทำสิ่งดี ๆ ไว้ก่อนอย่างน้อยก็ถือเป็นตัวอย่าง เราเชื่อว่าเดี๋ยวในอนาคตก็จะมีคนทำตามเอง ซึ่งตอนนี้ก็มีศูนย์สรรพสินค้าและองค์กรอื่นๆ ให้ความสนใจเข้ามาศึกษาโครงการการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของซีคอนสแควร์มากขึ้น ซึ่งเราเองก็สนับสนุนให้ทุกฝ่ายหันมาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกวิธี เพราะมันมีประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากจริง ๆ อีกไม่นานองค์กรบางแห่งอาจหันมาใช้แบตเตอรี่สำหรับเก็บไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกักเก็บไว้สำหรับใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการใช้พลังงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีต้นทุนต่อสังคมและองค์กรน้อยที่สุด ผ่านการใช้ประโยชน์จากพลังงานธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยที่มีแสงแดดส่องอยู่สม่ำเสมอเกือบทุกวันตลอดทั้งปี” ดร. พรต กล่าว
เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับโซลูชันโซลาร์เซลล์ของซีคอนสแควร์ว่าทางบริษัทได้ใช้เวลาศึกษาเรื่องโซลาร์เซลล์และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาประมาณ 1 ปีบินไปดูงานในหลายประเทศซึ่งรวมถึงอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์(Inverter)ที่เป็นเครื่องมือแปลงแรงดันไฟฟ้าเอาไว้แปลงกระแสไฟจากไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สำหรับโซลาร์เซลล์และพบว่าอินเวอร์เตอร์(Inverter)ของหัวเว่ยมีคุณภาพดีที่สุดและหลายประเทศในยุโรปเองก็ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยและการที่มันเป็นระบบปิดก็ช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปทำระบบไฟฟ้าเสียหายป้องกันไม่ให้แมลงเข้าไปทำรังและยังเหมาะกับการรับมือกับความชื้นในประเทศไทยซึ่งถือว่าเป็นของอันตรายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ดร. พรตกล่าวเสริมว่า “ตอนไปดูงานที่หัวเว่ยเจ้าหน้าที่ได้โชว์ให้ดูเลยว่าเอาอุปกรณ์ไปแช่น้ำเอาไฟสปอร์ตไลท์จ่อให้ร้อนก็ไม่พังอีกประเด็นต่อมาคือโครงการซีคอนของเราใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรามีแผงควบคุมไฟฟ้า (Panel) ทั้งหมด 15,000 แผ่นพื้นที่หลังคา 40 ไร่ซึ่งโซลูชันของหัวเว่ยยังช่วยให้เรารู้ได้เลยว่าโซลาร์เซลล์แผงไหนใช้งานได้น้อยหรือใช้งานไม่ได้แผงไหนผิดปกติ (Defect) และยังสามารถตรวจได้ทุกวันแบบเรียลไทม์ว่าแผงไหนมีปัญหารวมถึงเรายังสามารถรู้ประสิทธิภาพของการเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ทางบริษัท บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัดและซีคอนดีเวลลอปเมนท์ยังได้ร่วมมือสร้างศูนย์การเรียนรู้ (Learning Center) ที่ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์สาขาศรีนครินทร์โดยหัวเว่ยนำเอาตัวอย่างอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์(Inverter)มาให้ข้อมูลและความรู้เรื่องการใช้แผงโซลาเซลล์กับหน่วยงานต่างๆในประเทศไทยอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มหาวิทยาลัยและโรงเรียนเพื่อเสริมสร้างความรู้พื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีพลังงานดิจิทัลให้ทุกภาคส่วนช่วยกันเลือกใช้โดยจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงการทำงานของระบบโซลาร์และเข้าใจถึงความสำคัญในการเลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานในเรื่องความปลอดภัยก่อนนำมาใช้งาน
ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมายร่วมกันระหว่างทางซีคอนสแควร์และหัวเว่ยคือการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมรวมถึงทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นในฐานะที่หัวเว่ยเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนระดับโลกซึ่งมีความเชี่ยวชาญในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 5G Cloud และAI ทำให้หัวเว่ยสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้งานร่วมกับพลังงานสะอาดและส่งเสริมให้องค์กรและครัวเรือนร่วมติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มการใช้พลังงานทดแทนภายใต้เป้าหมายในการสนับสนุนโครงการจำนวน 30,000 โครงการภายใน 3 ปีข้างหน้าซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถลดก๊าซคาร์บอนได้ถึง 265,000 ตันในฐานะผู้นำด้านโซลูชันพลังงานสะอาดพันธมิตรชั้นนำด้านไอซีทีและผู้พลิกโฉมสู่ความเป็นดิจิทัลหัวเว่ยมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านการทำงานร่วมกับรัฐบาลและพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อทำให้โลกของเราเป็นสถานที่ที่ดียิ่งขึ้นพร้อมที่จะสนับสนุนให้องค์กรทุกรูปแบบได้เข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานดิจิทัลและใช้พลังงานธรรมชาติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพลดความรุนแรงของภาวะโลกร้อนด้วยวิธีการอันชาญฉลาดที่สามารถลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้ผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง