HMD Global (Human Mobile Devices)ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนฟีเจอร์โฟนแท็บเล็ตอุปกรณ์เสริมสัญชาติยุโรปมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเอสโป ประเทศฟินแลนด์ ดำเนินธุรกิจมานานปัจจุบัน HMD สามารถครองส่วนแบ่งตลาดทั้งกลุ่มฟีเจอร์โฟน สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมครอบคลุมกว่า200 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตแบรนด์ NOKIAรายเดียวในโลก โดยช่วงที่ผ่านมาปี HMD ฝ่าวิกฤตความท้าทายในตลาดและสามารถขับเคลื่อนแบรนด์บรรลุเป้าหมายโกยยอดขายทั่วโลกกว่า 400 ล้านเครื่อง ขึ้นแท่นผู้นำตลาดฟีเจอร์โฟนมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ของโลก
เส้นทาง HMD ประเทศไทย
HMD เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เป็นระยะเวลานานกว่า 7ปีด้วยบทบาทผู้จำหน่ายฟีเจอร์โฟน-สมาร์ทโฟนแบรนด์ Nokia แต่เพียงผู้เดียวในปัจจุบันมีร้านตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยมากกว่า3,000 ร้าน โดยในปี 2567 HMD มองทิศทางตลาดประเทศไทยเป็นโอกาส และมีความท้าทายใหม่ไปพร้อมกับเดินหน้าทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ตอกย้ำกลยุทธ์มัลติแบรนด์ จับกลุ่มผู้บริโภคเจนเนอร์เรชันใหม่เพิ่มขึ้น พร้อมผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเข้าถึงได้
นวัตกรรมมาตรฐานระดับโลก
เนื่องจาก HMD Globalคือผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมรายแรกที่ได้รับการตรวจสอบอุปกรณ์ในโปรแกรม Android Enterprise Recommended ที่ Google รับรองมาตรฐานมั่นใจกับระบบด้านความปลอดภัย และด้านระบบการจัดการ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำของยุโรปที่มีความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาสู่ระบบปฏิบัติการ Android One แพลตฟอร์มเพียวแอนดรอยด์ ฮาร์ดแวร์ที่กำหนดมาตรฐานและดีไซน์ (Reference Design) ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน (OEM)รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ดีที่สุด ครอบคลุมสมาร์ทโฟนในทุกเซกเมนต์ สามารถอัปเดตเวอร์ชันใหม่ได้ทันทีเมื่อมีการอัพเกรดจากแอนดรอยด์เพื่อสร้างความปลอดภัยในการใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างมั่นใจสูงสุด
เจาะแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3R สู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ HMD ยังมุ่งพัฒนาโทรศัพท์ในราคาที่เหมาะสม ดีไซน์ทันสมัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และทนทาน สามารถซ่อมแซมได้ง่ายสนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถใช้งานอุปกรณ์ฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟนได้ยาวนานยิ่งขึ้นพร้อมตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ 3R ดังนี้
1. Repairการซ่อมแซม ในปี2567 HMD มีแผนพัฒนา เพิ่มสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถซ่อมแซ่มได้เป็น 3:4 ในตลาดฟีเจอร์โฟน-สมาร์ทโฟนยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยคาดหวังว่าครึ่งหนึ่งของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนHMD ที่จำหน่ายทั่วโลกจะสามารถซ่อมแซ่มโดยในปีที่ผ่านมาอุปกรณ์ที่ซ่อมมีสัดส่วน1:4 ของยอดขายโทรศัพท์มือถือของ HMD
อย่างไรก็ดี หากโทรศัพท์ที่สามารถซ่อมได้มีปัญหาในการใช้งาน การซื้อเครื่องใหม่ทดแทนอาจไม่ใช้ทางออกเสมอไป ด้วยเครื่องมือบางชิ้น พร้อมชิ้นส่วนสำรอง และคู่มือ หรือคำแนะนำที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้จากแบรนด์ ก็ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ HMD ได้นานขึ้น
- Reuseการนำกลับมาใช้ใหม่ให้ความสำคัญกระบวนการผลิต โดยพัฒนาอุปกรณ์ที่มีอยู่ ผ่านขั้นตอนการอัพเดท หรือพัฒนารูปแบบการใช้งานใหม่ที่ทันสมัยตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น ซึ่งการนำอุปกรณ์ที่มีอยู่กลับมาใช้ใหม่ นอกจากจะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ HMD เป็นสมาร์ทโฟนคุณภาพ ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมการรับประกันการใช้งาน 2 ปี
- RecycleการรีไซเคิลHMD ให้ความสำคัญในการรีไซเคิลอุปกรณ์ฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในทุกระดับ มากกว่าการทิ้งซึ่งเป็นการเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกให้โลกพร้อมมองว่าทุกอุปกรณ์มีมูลค่าสามารถรีไซเคิลต่อยอดสู่การพัฒนาได้ตั้งแต่การนำบางชิ้นส่วนมาผลิตสมาร์ทโฟน ตลอดจนการผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ด้วยความเชื่อที่ว่า“สิ่งเก่าสามารถกลายเป็นสิ่งใหม่”
ผ่ากลยุทธ์มัลติแบรนด์ของHMD
HMD ดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้งาน และปัจจัยการเลือกใช้โทรศัพท์ของคนยุคปัจจุบันที่หลากหลายมากขึ้น กระตุ้นให้ HMD เดินหน้า
ทรานฟอร์มธุรกิจสู่กลยุทธ์มัลติแบรนด์เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ สำหรับแบรนด์HMD และNOKIA รวมถึงกลุ่มพันธมิตรไปจนถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มีโอกาสเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานมากที่สุด
HMD ยังคงเป็นตัวแทนจำหน่ายฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟน NOKIA อยู่ 200 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ HMD เตรียมแผนการเดินหน้าขยายตลาด ด้วยการเปิดตัวHMD สมาร์ทโฟนแบรนด์น้องใหม่ มุ่งจับกลุ่มผู้บริโภคเจนเนอร์เรชันใหม่เพิ่มขึ้น ด้วยดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และราคาที่เข้าถึงได้ นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินหน้าจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมใหม่ๆ จากแบรนด์อื่นๆ เพื่อเพิ่มไลน์โปรดักส์ในพอร์ตฟอลิโอHMD หวังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ในแต่ละเจนเนอร์ชัน ที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น
ทางเลือกใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน
แผนการพัฒนาHMD Fusionนวัตกรรมแพลตฟอร์มการออกแบบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ผ่านชุดเครื่องมือDevelopment Toolkit V1.0 ซึ่งจะทำให้ผู้คนสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย โดยให้สิทธิผู้ใช้งานได้ร่วมออกแบบนวัตกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สร้างการเชื่อมต่อภายในอุปกรณ์ ซึ่งช่วยให้มีแอปพลิเคชันใหม่ๆ ขยายฟังก์ชันอุปกรณ์ HMD Fusion โดยเรียกว่า “smart outfits” เพื่อให้ชุมชนสามารถเริ่มสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองได้มุ่งหวังให้สมาร์ทโฟน HMD สมารถตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และสนับสนุนเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ
อุ่นใจตลอดการใช้งาน
บริการดูแลผู้บริโภคตลอดการใช้งานด้วยNokia Mobile Care Deliveryอยู่ที่ไหนก็ซ่อมได้ง่าย ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ มีบริการให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งาน ด้วยบริการส่งซ่อมฟรี! ผ่าน EMS ของไปรษณีย์ไทยกว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ พร้อมบริการ Pick Up Service รับเครื่องซ่อมนอกสถานที่ บริการครบจบที่เดียวผ่านช่องทาง NPK Call Center 02-005-0195เป็นบริการพิเศษสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ NOKIAและ HMD ที่โทรศัพท์ยังอยู่ในระยะเวลาประกัน ในพื้นที่ให้บริการ ทั้งนี้ โทรศัพท์ NOKIAที่จำหน่ายโดย เอชเอ็มดี โกลบอล มีรับประกันเครื่อง 1 ปี ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนด
HMD เป็นมิตรต่อโลก
แบรนด์มีเป้าหมายการผลิตอุปกรณ์สื่อสารที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและต่อโลกได้รับรางวัลแบรนด์รักษ์โลกPlatinum EcoVadis 2022และ 2023แบรนด์ระดับแพลทินัม ความยั่งยืนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับโลก ด้วยผลคะแนนการประเมินระดับดีเด่นในด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ใน 1% แรกของกลุ่มธุรกิจทั่วโลก และ 98% ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์สื่อสารจาก 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม แรงงานและสิทธิมนุษยชน จริยธรรม และการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นธรรมและยั่งยืนสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดสร้างแบรนด์รักษ์โลกอย่างมุ่งมั่น พร้อมสร้างเวิลด์ ไลฟ์ บาลานซ์ (World-Life Balance) ให้โลกอย่างต่อเนื่อง หวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นคืนธรรมชาติให้กับโลกไปพร้อม ๆ กับผู้บริโภคทั่วโลก ผ่านแนวคิด “Play the long game” ด้วยการส่งต่อโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตคุณภาพ ด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่เน้นคุณภาพสูงสุด กระบวนการผลิตที่เข้มงวด ผ่านการทดสอบที่เข้มงวดมากกว่า 50 ครั้ง