ระยะหลังมานี้ผู้เล่นในตลาดยานยนต์ประเทศไทยนำเสนอรถยนต์หลากหลายประเภทเพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคกันมากขึ้น และหนึ่งในยนตรกรรมที่ยังคงได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อยก็คือรถยนต์ประเภท PHEV(Plug-in Hybrid) หรือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยการผสานขุมพลังที่สร้างจากไฟฟ้าร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเองโดยBYD ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ได้เผยโฉมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จะเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไทยไปในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา นำร่องโดยBYD SEALION 6 DM-i เอสยูวีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด 1.5 ลิตร ที่ใช้แพลตฟอร์ม DM-i เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะจาก BYD ที่ทำให้รถยนต์ PHEV มอบประสบการณ์ขับขี่ได้เสมือนรถยนต์ไฟฟ้าแต่ DM-iคืออะไร และมีความแตกต่างจากเทคโนโลยีไฮบริดอื่นๆ อย่างไรวันนี้เราจะพามาเจาะลึกถึงเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ไปพร้อมกัน
DM–iSuper Hybrid เทคโนโลยีขับเคลื่อนยานยนต์ที่ใช้ขุมพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์เป็นหลัก
เทคโนโลยี DM-iSuper Hybridเป็นเทคโนโลยีระบบพลังงานและชุดควบคุมการทำงานของรถยนต์ประเภท PHEV เอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BYDโดยอักษรย่อ“DM”หมายถึง “Dual Mode”หรือระบบการทำงานที่ประสานขุมพลัง2รูปแบบคือมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ส่วนอักษร“i”ย่อมาจากคำว่า “Intelligent”หรือเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผสานการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคอย่างลงตัว
สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยี DM-i Super Hybridโดดเด่นเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ คือเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาภายใต้การขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก (Electricity-based)โดยหลักการคือจะใช้ขุมกำลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถรองรับการสร้างพลังงานด้วยการชาร์จไฟทั้งในรูปแบบกระแสตรง DC และ การแสสลับ AC จากภายนอกซึ่งหากยังไม่เพียงพอในการใช้งานในชีวิตประจำวัน การสร้างพลังงานจากเครื่องยนต์ก็จะเป็นส่วนเสริมในการสร้างพลังงานหลักเพื่อการขับเคลื่อนให้กับ “มอเตอร์ไฟฟ้า”และเมื่อต้องการสร้างพลังงานสูงสุดเพื่อการขับเคลื่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ“เครื่องยนต์” จะสร้างพลังงานเสริมการขับขี่ เช่น การเร่งความเร็วกะทันหัน การแซง การขึ้นเนินสูงการขับขี่ทางไกลที่ใช้ความเร็วคงที่ เป็นต้น
ดังนั้นส่วนสำคัญของเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid คือ แพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และมากกว่านั้นก็ยังพัฒนาเพื่อให้รถยนต์มีการปล่อยมลภาวะให้น้อยที่สุด กล่าวคือ ทุกๆ มลภาวะที่ปล่อยออกมาจะต้องมีอย่างจำกัดและถูกปล่อยออกมาเพื่อการใช้งานมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเปรียบเสมือนการขับเคลื่อนที่เสมือนรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด ซึ่งการขับเคลื่อนจะมีการส่งกำลังนิ่งเรียบและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและต่อเนื่องตลอดเส้นทาง
ขับขี่นุ่มนวล ห้องโดยสารไร้เสียงรบกวน เสมือนยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า100%
เทคโนโลยี DM-iSuperHybrid ถือเป็นการพัฒนาภายใต้สถาปัตยกรรม DM พลังงานขับเคลื่อนเทคโนโลยีรูปแบบ Plug-In Hybrid เจนเนอเรชันที่ 4ซึ่งทีมพัฒนาของ BYD เองนั้นสะสมประสบการณ์ในการวิจัยและพัฒนาต่อยอดตั้งแต่เจนเนอเรชันที่ 1ถึง เจนเนอเรชันที่ 4มาร่วม 15 ปี ซึ่งการพัฒนาเพื่อขีดจำกัดของประสิทธิภาพการขับเคลื่อนและเพื่อสอดคล้องกับการใช้รถพลังงานสะอาด เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid ที่ปัจจุบันถูกใช้ใน BYD SEALION 6 DM-iหรือแม้กระทั่งรุ่นอื่นๆ ที่พัฒนาภายใต้สถาปัตยกรรม DM-i Super Hybrid นั้นจะขับเคลื่อนสภาวะขับเคลื่อน Hybrid รูปแบบต่างๆ ตามสถานการณ์ ดังนี้
- EV Mode: โหมดการขับเคลื่อนโดยใช้ไฟฟ้าโดยเป็นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ซึ่งมีการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงดันสูง เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและไร้เสียงรบกวนเสมือนกับการขับยานยนต์ไฟฟ้า100%
- Series Mode: หรือโหมด HEV แบบอนุกรม เป็นโหมดการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังการขับเคลื่อนของมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกสร้างพลังงานจากเครื่องยนต์ที่มีการเดินเครื่องที่เรียบเนียนจึงทำให้การสร้างพลังงานไร้รอยต่อและสร้างสรรค์การขับเคลื่อนให้มีความนุ่มนวล และด้วยการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักจึงทำให้การขับเคลื่อนนั้นเสมือนยนตกรรมไฟฟ้ามากที่สุด
- Parallel Mode: หรือโหมด HEV แบบขนาน ซึ่งเป็นโหมดการขับเคลื่อนที่มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ประสานการทำงานกันแบบเต็มกำลังจึงส่งมอบประสิทธิภาพในด้านพละกำลังการขับขี่ที่ดีที่สุด มักจะถูกใช้ในช่วงที่ใช้กำลังขับเคลื่อนสูง เช่นการเร่งแซง การขึ้นเขา เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสมือนกับการขับขี่ยนตกรรมไฟฟ้ามากที่สุด ทุกๆ การชะลอความเร็วและการเบรกนั้น ระบบ Regenerative Braking เก็บพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นสร้างพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มระยะทางการเดินทางด้วยไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ดีมากยิ่งขึ้นรวมถึงอัตราการปล่อยมลภาวะให้ลดน้อยลง และ เพื่อให้รถยนต์นั้นใกล้คำว่ารถยนตกรรมไฟฟ้ามากที่สุด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสถึงยนตรกรรมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่จะช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวมถึงผู้คนสาธารณะได้รับทั้งเรื่องของความปลอดภัยในการใช้ถนนสาธารณะ และ มลภาวะสภาพแวดล้อมสาธารณะที่สะอาดมากยิ่งขึ้น
จุดเด่นของเทคโนโลยี DM-i Super Hybrid
ไฮไลต์ของเทคโนโลยี DM-i คือเป็นแพลตฟอร์มที่รวมเอานวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะไว้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีโดยใช้เครื่องยนต์ประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงซึ่งออกแบบเฉพาะสำหรับรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงพร้อมด้วยเทคโนโลยี Blade Batteryเสริมด้วยระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่อัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ ฟังก์ชันการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นรวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมายที่มอบความสะดวกให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างมั่นใจเช่น ระบบ VtoL ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid มีข้อได้เปรียบกว่าเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดอื่นๆ ในตลาดอยู่หลายประการ อาทิ
- ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์ที่มากกว่า
- ประสิทธิภาพการทำงานของระบบส่งกำลังไฮบริดที่มากกว่าเนื่องด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังสำหรับเทคโนโลยี Plug-In Hybrid โดยเฉพาะ
- เทคโนโลยี Blade Battery ซึ่งปลอดภัยกว่าทั้งยังมีความจุที่มากและเพียงพอ เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- เทคโนโลยี DM-i ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพทั้งด้านพละกำลัง ความนิ่งเรียบของการส่งถ่ายกำลังของขับเคลื่อน และการใช้อัตราสิ้นเปลืองของพลังงานและเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ
- การทำงานของ NVH (ระดับเสียง ความสั่นสะเทือน และความกระด้างของรถยนต์)ที่มีประสิทธิภาพ
พลังงานระบบไฮบริดที่ยังคงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เสมือนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%
เทคโนโลยี DM-iได้รับการพัฒนาให้ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก และด้วยขนาดของแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้เพียงพอและเหมาะสมต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันซึ่งหากเลือกขับรถด้วยEV Mode หรือโหมดการขับเคลื่อนโดยใช้ไฟฟ้าในขณะที่แบตเตอรี่มีพลังงานคงเหลือปกติก็จะทำให้ขับขี่ได้โดยไม่สร้างมลพิษทางอากาศเลยแม้แต่น้อย เสมือนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%เพราะEV Mode จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นระบบขับเคลื่อนหลักโดยสมบูรณ์และไม่มีการใช้ขุมพลังจากเครื่องยนต์เลย
หรือหากขับขี่ขณะที่แบตเตอรี่มีพลังงานคงเหลือต่ำ(Low SOC หรือแบตเตอรี่น้อยกว่า 25%)ระบบก็จะยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลักโดยใช้วิธีสร้างพลังงานจากเครื่องยนต์และส่งต่อมาที่มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยทั้งในเรื่องของการลดปริมาณการปล่อยมลพิษได้อย่างชัดเจนและยังเป็นการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะเมื่อระบบมีพลังงานไฟฟ้าที่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนแล้ว เครื่องยนต์ก็จะหยุดทำงานแล้วเปลี่ยนกลับมาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้พลังงานมาจากแบตเตอรี่คงเหลือแทนนอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ทำให้รถยนต์ไม่ต้องแบกภาระน้ำหนักรวมของตัวรถที่มากเกินความจำเป็นซึ่งจะทำให้เกิดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการสร้างพลังงานขับเคลื่อนมากขึ้น
ทุกความชาญฉลาดของเทคโนโลยี DM-i Super Hybridที่กล่าวมาข้างต้น พร้อมให้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำเสมือนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้วในรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเผยโฉมในประเทศไทยอย่างBYD SEALION 6 DM-iพร้อมเปิดจองสิทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ BYD SEALION 6 DM-iในประเทศไทยได้ที่Facebook BYD RÊVER Thailand