ในภาพ นางปิยะธิดาอิทธิระวิวงศ์(ที่ 4จากซ้าย)ประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจคลาวด์บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ทรีดีเอส อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด นำโดย นายไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทรีดีเอส อินเตอร์แอคทีฟ จำกัดโดยมีนายเบนสัน ฉิน (ที่3จากซ้าย) ประธานบริหารกลุ่มธุรกิจคลาวด์บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด นางสาวชลิตา สมุทรรัตน์ (ขวาสุด) รองประธานกรรมการอาวุโส กลุ่มธุรกิจคลาวด์เนทีฟ บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และนางสาวชนัญญา เลาหะพันธุ์ (ซ้ายสุด) ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท ทรีดีเอส อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน
กรุงเทพฯ1กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 –นางปิยะธิดาอิทธิระวิวงศ์ประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจคลาวด์บริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัดและนายไชยพงศ์ลาภเลี้ยงตระกูลกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัททรีดีเอสอินเตอร์แอคทีฟจำกัดร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MoU)ระหว่างบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัดและ บริษัท ทรีดีเอส อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด เพื่อประยุกต์ใช้หัวเว่ยคลาวด์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคลาวด์ประสิทธิภาพสูง ในการเสริมศักยภาพระบบการตลาดอัตโนมัติ“แพม มาร์เก็ตติ้ง ออโตเมชั่น”ของทรีดีเอส อินเตอร์แอคทีฟด้วยการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อช่วยให้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเข้าใจความต้องการของลูกค้าและส่งสารให้กับลูกค้าได้ตรงจุดและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นซึ่งจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำตลาดให้เกิดผลกระทบได้ในวงกว้าง
นายเบนสัน ฉิน ประธานบริหารกลุ่มธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัดได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “หัวเว่ย ประเทศไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับโอกาสในการช่วยสนับสนุนผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบการตลาดอัตโนมัติในประเทศไทย โดยหัวเว่ยคลาวด์จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และทำให้ระบบดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ไร้รอยต่อ และแม่นยำ เพื่อยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้แก่ลูกค้าองค์กรที่ใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติ แพม มาร์เก็ตติ้ง ออโตเมชั่นโดยปัจจุบันหัวเว่ยคลาวด์ ถือเป็นส่วนธุรกิจสำคัญของหัวเว่ย ประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องพร้อมมอบการให้บริการคลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงแก่ผู้ใช้งานทั้งกลุ่มธุรกิจองค์กรต่างๆในภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยศูนย์ข้อมูล (Data Center) สำหรับการให้บริการคลาวด์ของหัวเว่ยที่มีอยู่ในประเทศไทยถึง 3 แห่งด้วยกันโดยในปีนี้หัวเว่ยจะเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แพลตฟอร์มคลาวด์ของเรารวมทั้งร่วมกับพาร์ทเนอร์สร้างอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์และครอบคลุมมากขึ้น โดยเป้าหมายของเราคือการเชื่อมต่อกลุ่มลูกค้าองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนและผู้ใช้งานรายย่อย ให้ครอบคลุมอย่างสมบูรณ์แบบตามพันธกิจหลักของหัวเว่ยที่ว่า “ต้องการเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย”
ด้านนายไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรีดีเอส อินเตอร์แอคทีฟ จำกัดผู้สร้างแพลทฟอร์ม แพม มาร์เก็ตติ้ง ออโตเมชั่น หรือระบบบริหารข้อมูลทางการตลาดแบบอัตโนมัติในระดับองค์กรได้กล่าวถึงการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ธุรกิจในโลกยุคปัจจุบันอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับในอดีต มีเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นทุกวันโดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการตลาด ดังนั้นการเชื่อมโยงเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ากับการทำงานขององค์กรได้อย่างรวดเร็วเพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้กับลูกค้าจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการตลาด เราได้ออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์ม “แพมมาร์เก็ตติ้งออโตเมชั่น” เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำข้อมูลของลูกค้าจากทุกช่องทางมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านเทคนิคการทำการตลาดแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะสามารถลดต้นทุน ลดความผิดพลาด และเพิ่มผลิตผลในการทำงาน นำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรมากที่สุด แพม มาร์เก็ตติ้ง ออโตเมชั่น คือชิ้นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีทั้งหมดขององค์กรเข้าด้วยกัน ทำให้การเข้าสู่ตลาดของลูกค้า (Time-to-Market)รวดเร็วขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับองค์กรต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี”
การผสานความร่วมมือกับหัวเว่ยคลาวด์ในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ให้แก่อีโคซิสเต็มของคลาวด์ในประเทศไทย รวมทั้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการตลาดของไทย ทั้งในด้านการเสริมศักยภาพให้แก่ระบบอัตโนมัติต่างๆของแพม มาร์เก็ตติ้ง ออโตเมชั่น ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเชื่อมโยงเทคโนโลยีทางการตลาดต่างๆ ทั้งที่ หัวเว่ยคลาวด์ได้นำเสนอกับลูกค้าระดับองค์กรให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลมากอย่างไร้รอยต่อได้มากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าองค์กรได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ตนเลือกใช้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด