หัวเว่ย ยูเนสโกและกระทรวงศึกษาธิการเปิดตัวโครงการการศึกษาสีเขียว ‘Green Education Initiative’ ขับเคลื่อนแนวทางการรับมือกับงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย

นครนายก,7 ธันวาคม 2566 – หัวเว่ย ยูเนสโก และกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในโครงการการศึกษาสีเขียว หรือ ‘Green Education Initiative’ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้เยาวชนและชุมชนทั่วประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและผลักดันให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการลงมือทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยโครงการการศึกษาสีเขียวนี้ครอบคลุม3ประเด็น ได้แก่

  • โรงเรียนสีเขียว มุ่งส่งเสริมการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ พลังงานสะอาด การผลิตพลังงานชีวมวล และการจัดการของเสียในสถาบันการศึกษา
  • ทักษะสีเขียว มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะให้กับนักเรียน ครูผู้สอนและนักการศึกษา รวมไปถึงชุมชน เพื่อขับเคลื่อนแนวคิดด้านความรับผิดชอบและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
  • ชุมชนสีเขียว การสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนอกเหนือจากภายในโรงเรียน

ภายใต้โครงการ TECH4ALLเพื่อขับเคลื่อนโลกดิจิทัลที่ยั่งยืนและเท่าเทียมสำหรับทุกคน  หัวเว่ย และองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO)ร่วมกันวางแผนพัฒนาโครงการสีเขียวและโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นใน3ประเด็นดังกล่าว พร้อมร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในประเทศไทย โครงการดังกล่าวครอบคลุมไปถึงการจัดหาเทคโนโลยีพลังงานดิจิทัลให้กับโรงเรียน การฝึกอบรมด้านพลังงานสีเขียวให้กับนักเรียน และรถดิจิทัลเพื่อสังคมซึ่งเป็นโครงการที่หัวเว่ยจัดขึ้นเพื่อฝึกทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและให้ความรู้ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในชนบทและพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศไทย

ยูเนสโก ให้คำจำกัดความ ‘greening’ในบริบทของการศึกษาสีเขียวว่าหมายถึงการปฏิบัติตามความรู้และแนวทางที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนเพื่อคนในรุ่นปัจจุบันและอนาคต

คุณคิริโมเก โดรลเล็ตต์ (KirimokeDrollett)หัวหน้าสำนักงานบริหาร สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพมหานคร กล่าวในพิธีเปิดโครงการ Green Education Initiativeที่จังหวัดนครนายกว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) คือหัวใจหลัก และยังมีภารกิจมากมายที่จะต้องทำให้สำเร็จ ไม่มีใครสามารถทำงานเหล่านี้คนเดียวได้แม้แต่องค์การสหประชาชาติจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุไปสู่เป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และความร่วมมือจากทุกฝ่ายผ่านโครงการการศึกษาสีเขียวนี้จะช่วยให้เราขับเคลื่อนแนวทางการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เร็วยิ่งขึ้น ยูเนสโกมีความภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนประเทศไทยในด้านการศึกษาสีเขียวและขับเคลื่อนอนาคตที่สดใสให้กับทุกคน”

ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40เปอร์เซ็นต์ ภายในปี พ.ศ. 2573 พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ภายในปี พ.ศ. 2593 และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น การเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหลักจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกำลังการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์อยู่ที่ 2,633เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 14,864เมกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ. 2580

โครงการการศึกษาสีเขียว ‘Green Education Initiative’ จึงสะท้อนถึงพันธกิจร่วมกันในการเสริมพลังให้เยาวชน ชุมชน และผู้มีร่วมร่วมในทุกภาคส่วนได้ร่วมกันต่อสู้และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ จะเดินหน้าส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตให้กับผู้คนในทุกช่วงวัย พร้อมขับเคลื่อนโครงการให้เข้าถึงทุกชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือจากโครงการมากที่สุด

ดร. ชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาหลักสูตร และผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงานกรมส่งเสริมการเรียนรู้ “ผมมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับยูเนสโก และหัวเว่ย ประเทศไทย ในการขับเคลื่อนโครงการความร่วมมือสนับสนุนโรงเรียนสีเขียวและการศึกษาสีเขียวในประเทศไทย เพื่อสร้างความเท่าเทียมด้านทักษะดิจิทัลให้กับเยาวชนและประชาชนอย่างทั่วถึง โดยใช้รถดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ยกระดับการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี และยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ นอกเหนือจากการมุ่งเน้นพัฒนาทักษะดิจิทัล หัวเว่ยและยูเนสโกยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาวะโลกร้อน โดยการบรรจุองค์ความรู้ด้านการรับมือกับสภาวะโลกร้อน อาทิ การมีแหล่งน้ำสะอาดพร้อมใช้ พลังงานสะอาด การผลิตพลังงานชีวมวล  และการจัดการขยะและของเหลือทิ้งอย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องขอขอบคุณหัวเว่ยที่ให้โอกาสกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้เป็นหน่วยงานนำร่องในพื้นที่ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายกเป็นแห่งแรกของไทย

ในขณะเดียวกัน หัวเว่ย พร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและโซลูชันสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมมาสนับสนุนโครงการการศึกษาสีเขียว ‘Green Education Initiative’

นายเบนจามิน หลิว (Benjamin Liu) ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัดได้กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการเดินหน้าสู่อนาคตที่คาร์บอนต่ำและมีการเชื่อมต่อทางดิจิทัลโดยสมบูรณ์ หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนประเทศไทยไปสู่ยุคดิจิทัลที่ยั่งยืนและเท่าเทียมมาตลอด 24ปี หัวเว่ยได้ติดตั้งอินเวอร์เตอร์ ขนาดกำลังผลิตรวมมากกว่า 5กิกะวัตต์ ให้กับภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนทั่วประเทศไทย สำหรับโครงการการศึกษาสีเขียวนี้ หัวเว่ยจะนำนวัตกรรมด้านโซลูชันพลังงานดิจิทัลและประสบการณ์ด้านการผลิตพลังงานแสดงอาทิตย์มาใช้ในการฝึกอบรมและส่งเสริมความรู้ด้านพลังงานสีเขียวให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือจากยูเนสโก กระทรวงศึกษาธิการ และพันธมิตรของเรา หัวเว่ยพร้อมที่จะเดินหน้าสนับสนุนยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการบ่มเพาะวิศวกรพลังงานสีเขียวให้กับประเทศ”

พิธีเปิดโครงการการศึกษาสีเขียว ‘Green Education Initiative’ได้รับเกียรติจากตัวแทนจากสำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ พันธมิตรหัวเว่ย ครูและนักการศึกษา นักเรียน และสมาชิกในชุมชน รวมกว่า 150 เข้าร่วมในพิธี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *