กรุงเทพฯ – 30เมษายน 2567 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company)เปิดเผยความสำเร็จในการพัฒนาของแบรนด์พร้อมประกาศทิศทางในการพัฒนาในอนาคตสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างมั่นคงบนแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน (Ecological Globalization) ครอบคลุมทั้งในด้านการวิจัยด้านการผลิตและด้านการขายพร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีระดับโลกไฮไลท์สุดพิเศษ4 รุ่น ได้แก่ GWM TANK 700 Hi4-Tรถยนต์ออฟโรดระดับพรีเมียมรุ่นเรือธง และ GWW SAHAR POER Hi4-Tรถกระบะออฟโรดขุมพลังไฮบริดระดับพรีเมียมคันแรกของโลกเสริมทัพด้วยGWM HAVAL H64th Generationรถยนต์คอมแพคเอสยูวีขวัญใจชาวโลกในโฉมใหม่ การันตีด้วยยอดขายติดอันดับทั่วโลกอยู่ใน 10 อันดับแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีเป็นระยะเวลา 5 ปีซ้อน และ GWM WEY 80ที่สุดของรถสำหรับทุกคนในบ้านอย่างแท้จริง มาพร้อมฟังก์ชันและความหรูหราแบบครบครัน ที่งานปักกิ่ง ออโต้โชว์ ครั้งที่ 18
มร. มู่ เฟิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยืนยันที่จะพัฒนาสู่ระดับโลกโดยยึดรากฐานจากประเทศจีน ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนากลยุทธ์การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เปลี่ยนแนวคิดจากการส่งออกสินค้า เป็นการค้าต่างประเทศ พร้อมพัฒนาต่อยอดสู่แนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคงยึดมั่นในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในตลาดแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมการขาย ด้านการผลิต ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านวัฒนธรรมองค์กร และด้านการสร้างห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพในระดับโลก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ทำการพัฒนาในตลาดต่างประเทศมามากกว่า 20 ปี จนถึงจุดสำเร็จและได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์คุณภาพภายใต้แบรนด์อย่างเช่นGWM TANK และ GWM ORA ในตลาดต่างประเทศ สะท้อนผลสำเร็จของแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดนได้อย่างมีนัยสำคัญ”
ในงานปักกิ่ง ออโต้โชว์ ครั้งที่ 18 นี้เกรทวอลล์มอเตอร์ได้ขนทัพรถยนต์อัจฉริยะหลากหลายรุ่นพร้อมไฮไลท์สุดพิเศษรวม4 รุ่นและนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำมาจัดแสดงสะท้อนภาพความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต
ประเดิมด้วยการเปิดตัวGWM TANK 700 Hi4-T
รถออฟโรดระดับพรีเมียมที่ผสมผสานสมรรถนะอันแข็งแกร่งและความหรูหราเหนือระดับได้อย่างลงตัวด้วยเทคโนโลยีไฮบริดขั้นสูงเพื่อสร้าง “ความพึงพอใจของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง”สู่ความโดดเด่นและแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ไฮบริดอื่นๆในระดับโลกพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ขั้นสูงสุดให้กับไลฟ์สไตล์ของนักผจญภัยสายลุยและไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างตรงจุดด้วยขนาดที่ยาวกว่า 5 เมตร และกว้างมากกว่า 2 เมตร จึงทำให้พร้อมกับการผจญภัยทุกรูปแบบ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อ3.0T Hi4-T ซึ่งเป็นการออกแบบโครงสร้างเครื่องยนต์เพียงหนึ่งเดียวในประเทศจีนที่สามารถรองรับพละกำลังของรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่ร่วมด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์หลายสูบที่มีความจุสูงและมอเตอร์ไฟฟ้าP2ที่มีพลังงานสูงให้กำลังรวมสูงสุด385กิโลวัตต์แรงบิดสูงสุด800นิวตันเมตร (850นิวตันเมตรสำหรับรุ่นLimited Edition) และอัตราเร่ง0-100กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาไม่ถึง5วินาทีอีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเส้นทางมากถึง12โหมดและสามารถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 970 มิลลิเมตร จึงสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางและทุกสถานการณ์นอกจากสมรรถนะที่โดดเด่นแล้วภายในของGWM TANK 700 Hi4-T ยังถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่อย่างหรูหราและเหนือระดับเบาะนั่งLight Cloud ทำจาก หนัง BADERNAPPAจากเยอรมนี มุมกว้างพิเศษออกแบบให้เข้ากับสรีระของร่างกายเพื่อสร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ราวกับนั่งบนปุยเมฆเบาะด้านหน้าสามารถปรับระดับได้ถึง 156 องศา และ 141 องศาสำหรับเบาะด้านหลัง ที่วางขาสามารถปรับได้ 2 ทิศทาง ที่ดันหลังปรับได้ 4 ทิศทาง ระบบระบายอากาศของเบาะปรับได้ 3 ระดับ พร้อมระบบปรับอากาศ 9 ระดับ ร่วมกับระบบเสียงจากHarman Kardon ที่มาพร้อมลำโพง16ตัวที่สร้างความละเอียดเสียงระดับHi-Fi (High Fidelity)ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ก้าวไปอีกขั้นผ่านทุกรายละเอียดที่สร้างสรรค์ไว้อย่างประณีตในทุกแง่มุม นอกจากนี้ GWM TANK 700 Hi4-T ยังมีระบบเก็บเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยการผนึกประตูข้างถึง 3 ชั้น และประตูด้านหลังถึง 2 ชั้น พร้อมกับกระจกที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกหนา 5 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับระบบลดเสียงของ Harman Kardon ทำให้ห้องโดยสารเงียบแม้จะขับขี่ที่ความเร็วสูงถึง 199 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม
GWM SAHAR POER Hi4-T
กับคำนิยาม“รถกระบะออฟโรดขุมพลังไฮบริดระดับไฮเอนด์ลักซ์ชัวรี่คันแรกของโลกมาพร้อมกับ GWM Hi4-T Off-road Super Hybrid Architecture ที่พัฒนาโดยเกรท วอลล์ มอเตอร์เทียบเท่ากับรถยนต์แบรนด์หรูที่ระดับราคา 8 แสนหยวน (ประมาณ 4 ล้านบาท) ขึ้นไป เป็นการผสมผสานทั้งพลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้ที่ติ ด้วยเครื่องยนต์ที่มีเสถียรภาพและมอเตอร์ที่มีความแข็งแกร่ง จึงมอบพละกำลังและอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมทั้งบนการขับขี่ทางเรียบและออฟโรด ร่วมกับการลดการใช้พลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าถึงสองเท่านอกจากนี้ GWM SAHAR POER Hi4-T ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ 2.0Tเกียร์ 9HAT และมอเตอร์ไฟฟ้า P2 ให้กำลังรวมสูงสุด 300 กิโลวัตต์แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.15วินาที ร่วมกับโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดไฟฟ้าล้วน โหมดไฮบริด และโหมดอัจฉริยะ โดยเมื่อระดับแบตเตอรี่อยู่ต่ำกว่า 13.5%ระบบจะเปลี่ยนเป็นไฮบริดโดยอัตโนมัติ และเมื่ออยู่ในระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ต่ำกว่า 10% รถจะเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์โดยอัตัโนมัติและทำการชาร์จพลังงานเข้าแบตเตอรี่ นอกจากนี้ GWM SAHAR POER Hi4-T สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนในระยะสูงถึง 100 กิโลเมตร โดยในการขับขี่ทางไกล อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานจะมีประสิทธิภาพมากถึง 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลแมตรเลยทีเดียว โดยสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 780 กิโลเมตรยิ่งไปกว่านั้นยังมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า P2 ที่สามารถให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ต่อ 400 นิวตันเมตรให้ประสิทธิภาพมากกว่า 96% ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะแรงกดอากาศสูงและอุณหภูมิต่ำสู่การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมรถกระบะไปอีกขั้นให้แตกต่างไปจากเดิม
ต่อด้วยรถยนต์ที่สามารถครองอันดับยอดขายทั่วโลกอยู่ใน 10 อันดับแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีเป็นระยะเวลา5ปีซ้อนและยังคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้สูงสุดเป็นเวลา 9 ปี อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจและกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากกว่า 4ล้านรายทั่วประเทศอย่างGWM HAVAL H6
รถยนต์เอสยูวีที่สามารถเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างหลากหลายและสามารถมอบประสบการณ์ครบวงจรสำหรับการเดินทางของครอบครัวของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัวGWM HAVAL H6 ในเจนเนอเรชัน4นี้ ได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Star River Aesthetics” หรือความพลิ้วไหวของสายน้ำและดวงดาว แต่ยังคงนำความโดดเด่นของรถยนต์ในเจนเนอเรชันที่3 ไว้ได้อย่างครบถ้วน มอบความสวยงาม สะดวกสบาย และความสุนทรีแห่งอนาคตให้กับผู้ขับขี่ตลอดทั้งเส้นทางด้วยเทคโนโลยีที่ทรงพลังกว่าเดิมด้วยระบบส่งกำลัง 2 ระบบ ได้แก่ 1.5T และ 2.0T โดยระบบส่งกำลัง1.5T ใช้เครื่องยนต์4B15L ทำงานร่วมกับเกียร์7DCT ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้นส่วนระบบส่งกำลัง2.0T ใช้เครื่องยนต์ทรงพลัง4N20A ทำงานร่วมกับเกียร์9DCT ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของBorgWarner พร้อมการขับขี่6 โหมดและมีระบบตอบสนองหลายภูมิประเทศโดย GWM HAVAL H6 มีพละกำลังที่มากขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น ด้านเทคโนโลยีมาพร้อมแพลตฟอร์มอัปเกรดจาก Coffee Intelligence เป็น“Coffee AI”ที่เพิ่มความสะดวกสบายและให้ผู้ขับขี่สามารถสนทนากับระบบได้อย่างเป็นธรรมชาติรวมถึง Coffee Pilot ที่จะปรับเปลี่ยนตามลักษณะการท่องเที่ยวของผู้ขับขี่ในรูปแบบต่าง ๆ สร้างการขับขี่ที่มีความอัจฉริยะและประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับทุกคนในครอบครัว
GWM WEY 80
รถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มครอบครัวได้อย่างครอบคลุมทั้งความสะดวกสบายและความหรูหรามาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะมอบความรู้สึกเหมือนกับบ้านหลังที่สองให้กับผู้ขับขี่การออกแบบภายในที่รองรับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดีเพื่อสร้างความผ่อนคลายและการพักผ่อนทั้งทางร่างกายและทางจิตใจให้กับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตู้เย็นขนาดใหญ่สองประตูภายในรถยนต์ โดดเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยประตูตู้เย็นที่สามารถเปิดได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิสองโหมด ได้แก่ โหมดทำความเย็น (0-15องศาเซลเซียส) และโหมดทำความร้อน (35-50องศาเซลเซียส)มาพร้อมปริมาณความจุที่ให้มาถึง 12.5 ลิตรมอบความสะดวกสบายแบบเหนือระดับยิ่งกว่าใคร อีกทั้งระบบเสียงHarman Kardonที่มาพร้อมลำโพงรอบทิศทางมอบประสบการณ์เสียงในรูปแบบใหม่ ๆ เสมือนกับนั่งฟังในโรงละครโอเปร่านอกจากนี้GWM WEY 80 ยังมอบความเงียบในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เมื่อความเร็วอยู่ที่120กิโลเมตรต่อชั่วโมงเสียงห้องโดยสารจะถูกควบคุมอยู่ที่65เดซิเบลควบคู่กับเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนของเครื่องยนต์ (HALOSonic EOC)ให้ตลอดทั้งเส้นทางไร้ซึ่งสิ่งรบกวนสู่ประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นยิ่งไปกว่านั้นGWM WEY 80 ยังมาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศระบบพลาสมาระบบทำความสะอาดอากาศในห้องโดยสารอัจฉริยะVolvo Air Quality System (AQS) และม่านบังแดดสำหรับแถวที่2และ3 อีกด้วย นับว่าเป็นรถยนต์ที่มอบความสะดวกสบายผ่านเทคโนโลยีเหนือระดับได้อย่างลงตัว
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าเพื่อส่งเสริมแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน (Ecological Globalization) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาแบรนด์ในระดับโลก ครอบคลุมทั้งในด้านการวิจัย ด้านการผลิต และด้านการขาย ในปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จัดตั้งฐานการผลิตยานยนต์แบบเต็มรูปแบบในประเทศไทยและในบราซิล และมีโรงงานแบบ KD ในปากีสถาน เอกวาดอร์ และประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและการผลิตสินค้า
รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและวิถีการขับขี่ของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม การตั้งสายการผลิตยานยนต์ในพื้นที่ท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถแข่งขันทางด้านราคาในตลาดนั้น ๆ ได้ แต่ยังมีส่วนในการสร้างอาชีพให้กับประชากร สร้างรายได้ในประเทศนั้น ๆ ควบคู่ไปกับการสะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมในประเทศที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เข้าไปตั้งฐานการผลิตอยู่