COVID-19 ส่งผลให้เกิดรูปแบบการทำงานวิถีใหม่ หลายองค์กรหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ลดการใช้กระดาษลง รวมทั้งมีความตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและความยั่งยืน ผลักดันให้ผู้นำด้านเครื่องพิมพ์อย่าง HP เร่งก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงานที่ครอบคลุม ยืดหยุ่น และคล่องตัวกว่าที่เคย เพื่อมอบประสบการณ์ที่จะพลิกโฉมเครื่องพิมพ์ไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน
จากการทำงานวิถีใหม่ สู่การลดใช้กระดาษ และความปลอดภัยทางข้อมูล
จากข้อมูลสถิติรูปแบบการทำงานของ Zippiaพบว่า ในช่วงการระบาดของ COVID-19 บริษัททั่วสหรัฐอเมริกาใช้รูปแบบการทำงานไฮบริดสูงกว่า 74% และพนักงานมีแนวโน้มที่จะเลือกบริษัทที่เสนอโอกาสในการทำงานทางไกลมากกว่าบริษัทที่ไม่มีถึง 59% สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจาก COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการทำงานในรูปแบบวิถีใหม่ ทั้งการทำงานแบบ Work From Home และการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Working) ที่สามารถทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศและที่ไหนก็ได้
การทำงานวิถีใหม่ กระตุ้นให้หลายหน่วยงานหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้กระดาษลดลง สอดคล้องกับรายงานแนวโน้มความยั่งยืนปี 2022 ของ Quocircaที่เผยให้เห็นว่า บริษัทในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกามีการใช้กระดาษรีไซเคิลแล้วถึง 70% และอีก 61% กำลังลดการใช้กระดาษ อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงปริมาณการใช้กระดาษที่ลดลง แต่อีกนัยหนึ่งยังสะท้อนให้เห็นว่า กระดาษยังคงมีความจำเป็นต่อธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะใช้น้อยลง แต่ไม่สามารถเลิกใช้ได้ทั้งหมด
อีกหนึ่งผลกระทบที่เกิดจากการทำงานวิถีใหม่คือ ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากรูปแบบการทำงานที่พึ่งพาดิจิทัลเป็นหลัก ได้เพิ่มช่องทางและโอกาสในการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น เช่น การแฮกข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ และการเจาะระบบขโมยข้อมูลของบริษัทไปขาย ซึ่งเครื่องพิมพ์ถือเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เก็บข้อมูลอันมีค่าที่หลายคนอาจมองข้าม
ก้าวข้ามขีดจำกัดของเครื่องพิมพ์แบบเดิมด้วยเทคโนโลยีและความเข้าใจ
ความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบดังกล่าว เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้วันนี้ HP ก้าวข้ามขีดจำกัดของเครื่องพิมพ์แบบเดิม โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทรงประสิทธิภาพมาตอบสนองความต้องการอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ระดับธุรกิจ ไอทีผู้ดูแลระบบหลังบ้าน และพนักงานที่ใช้เครื่องพิมพ์ ไม่เว้นแม้แต่สิ่งแวดล้อมที่อาจได้รับผลกระทบจากการใช้เครื่องพิมพ์ จนออกมาเป็นโซลูชั่นใหม่อย่างHP LaserJet Managed ซีรีส์E800/E700
เครื่องพิมพ์ต้องสนับสนุนเวิร์คโฟลว์การทำงานให้คล่องตัวกว่าที่เคยด้วยระบบประมวลผลโปรเซสเซอร์ HP Quad-coreที่ทรงพลัง ทำให้มีความเร็วในการพิมพ์สูงสุดถึง 70 หน้าต่อนาทีและสแกนภาพแบบหน้าหลัง หรือ ดูเพล็กซ์ ได้เร็วถึง 300 หน้าต่อนาที พร้อมอัปเกรดเฟิร์มแวร์ได้เร็วกว่าและใช้เวลาบู๊ตเครื่องน้อยลงรวมทั้งฟีเจอร์Flowที่สามารถแก้ไขไฟล์งานดิจิทัล ผ่านหน้าจอสัมผัสพร้อมคีย์บอร์ดในตัว เช่น แก้ไข ไฮไลท์ ปิดข้อความที่ไม่ต้องการ รวมทั้งเขียนหรือลงนามบนเอกสาร พร้อมหมดห่วงเรื่องต้นฉบับเสียหายเวลาสั่งงานพร้อมกันจำนวนมากด้วยเทคโนโลยีดึงกระดาษต้นฉบับแบบย้อนกลับ (Reverse and Retry)นอกจากนี้ ยังมีระบบCloud-based ที่รองรับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะทำงานจากที่ไหนก็สามารถใช้เครื่องพิมพ์ได้
สบายใจด้วยความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาดด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยในการพิมพ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมอย่าง HP Sure Start พร้อมการตรวจจับด้วยระบบ Memory Shield™, Connection Inspector, และ Whitelisting เพื่อรองรับการพิมพ์ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมข้อมูลแบบฟิชชิ่งหรือแรนซัมแวร์ สามารถตรวจจับความผิดปกติและปกป้องข้อมูลได้ แม้แต่ในกรณีที่ PC ถูกขโมยหรือสูญหาย ก็สามารถค้นหาตำแหน่ง ล็อค และล้างข้อมูลได้
ความยั่งยืนอย่างเป็นกระบวนการเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอนลง การขนส่งที่หันมาใช้บรรณจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้แทนการใช้โฟมในขณะที่เครื่องทำงานก็ยังลดใช้พลังงานไฟฟ้ารวมทั้งอายุการใช้งานของหมึกและอะไหล่ที่นานขึ้น เช่น ฟีเจอร์ Toner Reserve ที่ช่วยให้พิมพ์งานได้ไม่มีสะดุดแม้ผงหมึกเหลือน้อย หรือแม้แต่การนำกากหมึกเหลือใช้มากำจัดอย่างเหมาะสมและนำอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปรีไซเคิล ช่วยทั้งโลกและประหยัดค่าใช้จ่ายให้ธุรกิจ
HP LaserJet Managed ซีรีส์E800/E700เปิดตัวที่ไทยครั้งแรกภายในงาน FUTURE READY A3 PORTFOLIOภายใต้แนวคิด Better Printing, for a Better Planet เพื่ออนาคตการพิมพ์และโลกที่ดีขึ้นอย่างยืนซึ่งมาจากความมุ่งมั่นของ HP ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้การพิมพ์และโลกใบนี้อย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันทรงประสิทธิภาพ พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัดที่เคยมี