เอ็มจีฉลองแบรนด์ครบรอบ 100 ปี นำรถรุ่นใหม่หลากหลายรุ่น ลุยงานMotor Show 2024

  • “The Legend is Back” พบกับสปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าในไทย เปิดตัว NEW MG CYBERSTERรุ่นพวงมาลัยขวา ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน
  • NEW MG4 ELECTRIC แฮทช์แบ็คอีวีรุ่นฮิตโมเดลแรก่นใหม่ ด่ from เปิดราคาตัวแรง XPOWER  พร้อมรุ่นผลิตในไทย กับSTANDARD RANGE และLONG RANGE
  • บิ้กเซอร์ไพรส์!! กับ E-MPV น้องใหม่อย่าง NEW MG MAXUS 7
  • เดินหน้าขยายแบรนด์สู่คนรุ่นใหม่ ส่ง NEW MG5 โฉมล่าสุด เป็นหัวหอกลุยตลาด

กรุงเทพฯ – 25มีนาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ฉลองครบรอบ 100 ปี พร้อมเดินหน้าสร้างสีสันวงการยานยนต์ไทยส่งยนตรกรรมใหม่เปิดตัวต่อเนื่องนำโดยNEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง รุ่นพวงมาลัยขวา ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียนพร้อมด้วย แฮทช์แบ็คไฟฟ้าที่ขับสนุกและเร้าใจอย่าง NEW MG4 ELECTRICนำโดยรุ่น XPOWER  และอีก 2 รุ่นที่ผลิตภายในประเทศ กับ รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE บิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของก่อนใคร กับ E-MPV ไซส์กลาง อย่าง NEW MG MAXUS 7และชูความเป็นสปอร์ตคูเป้ซีดานที่แตกต่างกว่าใครกับNEW MG5 PRO โฉมล่าสุดมาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในเซกเมนต์
และการออกแบบโฉมใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม พร้อมให้คนไทยพบกับ 4 สุดยอดไฮไลท์เด่นและยนตรกรรม
ทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจาก เอ็มจี ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45(Motor Show 2024) ระหว่างวันที่ 27มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายนนี้ณ บูธ เอ็มจี หมายเลขA8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นาย ซู๋ว หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า“งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์เอ็มจีในการสร้าง“สีสัน” ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นการเดินหน้าแบรนด์สู่หมุดหมายใหญ่ในการเป็น Top3ของอุตสาหกรรมพร้อมสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางและทิศทางของแบรนด์ที่มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีAI (Artificial Intelligent)เข้ามาใช้ในการทำงาน รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ เอ็มจี ให้กับลูกค้าภายในงาน ด้วยยนตรกรรมที่มีความหลากหลายเพิ่มทางเลือกให้ครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์ โดย เอ็มจี นำทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่มาเปิดตัวพร้อมกันมากที่สุดถึง 4รุ่นอีกทั้งยังมีแคมเปญพิเศษสำหรับยนตรกรรมที่ครบในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน”

ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน กับสปอร์ตโรดสเตอร์อีวี รุ่นสำคัญฉลองครบรอบ 100 ปี อย่างNEW MG CYBERSTER

เปิดขบวนกับ “การกลับมาอีกครั้งของตำนานสปอร์ตโรดสเตอร์” (THE LEGEND IS BACK)ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่งอย่าง NEWMG CYBERSTERยนตรกรรมที่สร้างตำนานบทใหม่ให้กับ เอ็มจีด้วยภารกิจที่ทาง เอ็มจี ฉลองครบรอบ 100 ปี อย่าง“CHARGING INTO THE FUTURE”กับการเดินทางข้ามผ่านเส้นทางมากกว่า 25ประเทศ รวมระยะทางกว่า 16,000 กิโลเมตร โดยฝาแฝด “THE TURNER TWINS”ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในวันนี้NEW MG CYBERSTER พวงมาลัยขวาพร้อมเปิดตัวเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน โดยถือเป็นยนตรกรรมรุ่นเรือธงของ เอ็มจีในการบุกตลาดอีวีทั่วโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากการออกแบบโดยSAIC’s Advanced Design Studioลอนดอน สหราชอาณาจักรสะกดทุกสายตาด้วยประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดและหลังคาซอฟต์ท็อปกระจังหน้าเรียวยาว ไฟหน้าออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์Eye of the Stormไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากธงยูเนียนแจ็ค เส้นด้านข้างของตัวรถมีความโค้งมนพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสีทูโทนตกแต่งด้วยวัสดุ Soft touch เบาะนั่งแบบ Y-Shapeที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ใช้วัสดุพรีเมียมอย่างหนังแบบ Nappa สลับหนัง Alcantara อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นจอ Dashboard Triple-Screen ขนาด 7 นิ้ว ขนาด 10.25 นิ้ว และขนาด 7 นิ้ว จำนวน 3 จอเรียงต่อกัน พร้อมระบบอัจฉริยะ i-SMARTระบบเสียงคุณภาพจาก Boseพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งในแง่ของสมรรถนะอัดแน่นด้วยขุมพลังมอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อน4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่Ultra-Thin Rubik’s Cubeความจุ 77 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 503 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐานNEDCระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-linkจัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM26 ระบบ ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS ไว้อย่างครบถ้วน

ต่อยอดความสำเร็จของ “โกลบอลอีวีรุ่นยอดฮิต” กับประสบการณ์ครั้งใหม่ของNEW MG4 ELECTRIC

NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100%มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ICON”นิยามของการเป็นต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORMที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะพร้อมจุดเด่นอันหลากหลาย อาทิการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity)ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspensionทำให้NEW MG4 ELECTRICมีสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยมพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบโดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของยนตรกรรมรุ่นนี้ด้วยการเพิ่มรุ่นที่ถือเป็น ICON ของ NEW MG4ELECTRICอย่าง XPOWER ที่มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.8 วินาที แบตเตอรี่Rubik’s Cube Batteryขนาดความจุ 64 kWh(NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC ภายนอกตัวถังสีใหม่สีเขียว Wild Hunter Greenพร้อมด้วยหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในให้ความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่าพร้อมเพิ่มเติมระบบ One Pedal เข้ามา เฉพาะในรุ่น XPOWER

และรุ่นที่ผลิตจากสายการผลิตในไทยอย่างรุ่น STANDARD RANGE(49kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง
423 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDCและ รุ่นLONG RANGE(64kWh)สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDCที่พร้อมมอบ “ความเป็นที่สุด”ของ“แฮทช์แบ็คอีวีที่ขับสนุก”(THE BEST ENJOYABLE EV)โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรพร้อมปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมฟังก์ชันทั้งภายนอกและภายในรถ อาทิADAPTIVE GRILLEช่วยระบายความร้อนของรถแบบอัตโนมัติรวมถึงติดตั้งใบปัดน้ำฝนด้านหลัง หน้าจอสีระบบสัมผัสที่ปรับให้ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็นขนาด 12 นิ้วเพิ่มช่องวางแก้วด้านข้างประตู และเพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip)3 ตำแหน่ง

สำหรับรุ่น STANDARD RANGEมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER
และในรุ่น LONG RANGEมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมสีตัวถังใหม่สีส้ม (Fizzy Orange) 

E-MPV ไซส์กลางNEW MG MAXUS7ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากลุ่มครอบครัวสมัยใหม่

ในงานครั้งนี้ เอ็มจี ได้นำNEW MG MAXUS 7มาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสกับคันจริงของ E-MPV ไซส์กลางขนาด 7 ที่นั่งมาพร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่ทันสมัยงานดีไซน์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของMG MAXUSSeries ทั้งงานออกแบบและฟังก์ชันการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ประตูสไลด์ด้านข้างเปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมฝาท้ายไฟฟ้า ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟภายในดูเรียบและหรูด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Dual Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สายเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6ทิศทางห้องโดยสารให้ความสบายที่มากกว่าพร้อมที่นั่งแบบCaptain Seatในแถวที่ 2 ที่โอบรับกระชับทุกสรีระ นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วเชื่อมต่อกันรวมถึงระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียApple CarPlay และ Android Autoและยังสามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kWนอกจากนี้NEW MG MAXUS 7ยังเป็นยนตรกรรมที่มีสมรรถนะชั้นเยี่ยมด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดที่ 350 นิวตัวเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 90 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTPนอกจากนำมาจัดแสดงก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เอ็มจี ยังได้เปิดโอกาสให้คนไทยได้Pre-bookingเป็นเจ้าของ NEW MG MAXUS 7ก่อนใครในงานนี้โดยสามารถจองล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ ของ เอ็มจี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2567 ด้วยข้อเสนอพิเศษ จอง10,000 บาท สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท

กล้าเป็นตัวเองในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร กับ NEW MG5 PRO

NEW MG5PRO กับจุดเด่นของการเป็นสปอร์ตคูเป้ซีดานโดยโฉมล่าสุดนี้ เอ็มจี ปรับให้โฉบเฉี่ยวสะกดทุกสายตายิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Black Chrome Gladius Grille Designเสริมความเป็นสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุ Smoke Chromeรอบคันและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่คงจุดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างสุดในเซกเมนต์ จัดเต็มด้วยฟังก์ชันที่ให้มาครบครัน พร้อมดีไซน์สุดล้ำโดยเฉพาะการออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpitที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ และคำนึงถึงผู้ใช้รถด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังหน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบกุญแจแบบ Digital Key ที่สามารถรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ทให้ผู้ใช้งานรถมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM)สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection System ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง3 มิติ ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ถุงลมนิรภัย 6 จุดมาพร้อมสีตัวถังที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี โดยมีสีใหม่อย่างสีเขียว Mineral Green เป็นสีไฮไลท์

พบกับ ทัพยนตรกรรมคุณภาพครบทุกรุ่นทุกรูปแบบการขับเคลื่อนของ เอ็มจี พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ และรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024)ณ บูธ เอ็มจี หมายเลขA8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่27มีนาคม – 7เมษายนนี้และที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเอ็มจีกว่า 150แห่งทั่วประเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่

Website: www.mgcars.com

Line: @MGThailand

Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand

Twitter: @mg_thailand

Instagram: @mgthailand

Youtube: MG Thailand

TikTok: @mgthailand

Application: MG Thailand

Tagged:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *