แอลจีประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566 มีผลการดำเนินงานและศักยภาพในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง สะท้อนความก้าวหน้าด้านการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ การขยายธุรกิจ B2B และการพัฒนาธุรกิจใหม่

กรุงโซล, 1 พฤศจิกายน2566 — แอลจีอีเลคทรอนิคส์อิงค์ (แอลจี) ประกาศผลประกอบการรวมประจำไตรมาสที่3 ที่ 20.7ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.5แสนล้านบาท)และมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่996.7พันล้านวอน (หรือประมาณ2.65หมื่นล้านบาท)ซึ่งถือเป็นผลประกอบการและผลกำไรประจำไตรมาสที่3 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ในอับดับที่ 2ของบริษัท โดยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาจากทั้งธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแอลจี และโซลูชันยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคตธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่า2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ธุรกิจโซลูชันยานยนต์มีกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการดำเนินตามวิสัยทัศน์ปี 2573เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยวิสัยทัศน์ปี 2573ที่แอลจีเคยประกาศไว้ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ได้แก่ การมุ่งขยายธุรกิจ B2B และการสร้างนวัตกรรมภายใต้โมเดลธุรกิจที่ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์รวมถึงการพัฒนาและเข้าซื้อธุรกิจที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ แอลจีมีเป้าหมายที่จะก้าวข้ามการเป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ไปสู่บริษัทโซลูชันเพื่อชีวิตสมาร์ท หรือ Smart Life Solutions ที่เชื่อมต่อและขยายประสบการณ์ที่หลากหลายได้อย่างแท้จริง

หนึ่งในปัจจัยที่สร้างการเติบโตของรายได้อย่างมาก คือการขยายไปสู่ธุรกิจB2B ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์และระบบปรับอากาศHVAC ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่3 ของปีนี้สูงเป็นอันดับที่2 ในประวัติการณ์ของบริษัท รายได้จากธุรกิจB2B เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีสัดส่วนราว 35% ในรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทในปีนี้

ธุรกิจ B2B มักได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดB2C และเมื่อธุรกิจB2B ดำเนินไปอย่างเข้าที่แล้ว จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคงได้มากกว่าข้อดีอีกประการหนึ่งคือเมื่อลูกค้าB2B ใช้สินค้าของผู้ผลิตแบรนด์ใดก็มักใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เปลี่ยน ทำให้สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ซื้อได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว แอลจียังมีแผนที่จะพัฒนาโอกาสสร้างการเติบโตให้มากขึ้นในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการจัดหาผลิตภัณฑ์ B2B เท่านั้น เพื่อต่อยอดไปสู่โซลูชันที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่จัดหาแก่ลูกค้าโดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากธุรกิจB2B ขึ้นเป็นมากกว่า 40 ล้านล้านวอน(หรือประมาณ1.07 ล้านล้านบาท)ภายในปี2573

กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นมากกว่า 30%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาทั้งแบบปีต่อปีและไตรมาสต่อไตรมาส หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัททำกำไรได้สูงคือนวัตกรรมโมเดลธุรกิจใหม่ของแอลจีที่ผสานโซลูชันซึ่งไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ เช่น คอนเทนต์ และบริการสมัครสมาชิกเข้ากับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่แอลจีผลิตอยู่เดิม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวี ในอดีตรายได้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อผู้บริโภคจ่ายเงินซื้อสินค้า แต่ปัจจุบันโมเดลได้เปลี่ยนไปสู่การสร้างรายได้แบบประจำผ่านการใช้โซลูชันบนแพลตฟอร์มที่ติดตั้งอยู่ในผลิตภัณฑ์หลายล้านชิ้นของแอลจีที่ผู้บริโภคใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน

เพื่อพัฒนาและมองหากลไกสร้างการเติบโตใหม่ๆ แอลจีตั้งเป้าที่จะลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสโดยต้องไม่เพียงแค่มีศักยภาพสูงเท่านั้น แต่ต้องสามารถบูรณาการเข้ากับธุรกิจที่มีอยู่เดิมได้ หนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญของกลยุทธ์ดังกล่าว คือการลงทุนในธุรกิจชาร์จพลังงานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจนี้ไปทั่วโลกโดยเริ่มตั้งแต่ต้นปีหน้าผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างหลากหลาย

บริษัทดำเนินตามวิสัยทัศน์ปี 2573 ได้อย่างราบรื่นและมั่นคงในสามเสาหลัก ได้แก่ สร้างการเติบโตในระดับชั้นนำ(ธุรกิจ B2B)สร้างผลกำไร (ขยายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์) และการเพิ่มมูลค่าของบริษัท (กลไกขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ) สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายของตัวเลข 7 ใน 3มิติ คือ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยและกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า7% ขึ้นไป และมูลค่าบริษัทต่อEBITDA มีสัดส่วนอยู่ที่7หรือมากกว่า

แอลจีจะเดินหน้าผลักดันการพลิกโฉมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจต่อไปในไตรมาสที่4โดยพยายามรักษาการเติบโตของธุรกิจB2B ให้อยู่ในระดับสูงโดยใช้กลุ่มโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์เป็นหัวหอกสำคัญ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เนื่องจากใกล้จะถึงช่วงเทศกาลปลายปีที่มีบริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ความต้องการซื้อที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพในการทำกำไรอย่างมั่นคงต่อไป

กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชันเครื่องปรับอากาศมีรายได้ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่7.46ล้านล้านวอน(ประมาณ 2.01 แสนล้านบาท)และมีกำไรจากการดำเนินงาน 504.5 พันล้านวอน (ประมาณ 1.36 หมื่นล้านบาท)ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นผลจากความสามารถด้านการแข่งขันที่แข็งแกร่งจากการดำเนินธุรกิจโดยรวมซึ่งรวมถึงการผลิตการจัดซื้อและโลจิสติกส์ที่ดียิ่งขึ้นส่วนรายได้ยังอยู่ในระดับที่มั่นคงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่3 ของปีที่แล้วเป็นผลมาจากกลยุทธ์การปรับจุดยืนของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์กำลังซื้อในตลาดที่หดตัว และการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์B2B ที่รวมถึงระบบปรับอากาศHVAC ชิ้นส่วนและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บิลด์อินมากับเฟอร์นิเจอร์ แอลจีมีแผนที่จะเร่งการเติบโตของธุรกิจ B2B ตามเทรนด์การใช้พลังงานไฟฟ้าและการลดก๊าซคาร์บอนในระบบปรับอากาศHVACตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา บริษัทได้ร่วมสนับสนุนเป้าหมายของมลรัฐแคลิฟอร์เนียในการติดตั้งปั๊มความร้อนไฟฟ้า6 ล้านเครื่องภายในปี 2573 นอกจากนี้แอลจียังขยายพอร์ตโฟลิโอของ HVAC ด้วยระบบปรับอากาศใหม่สำหรับภายนอกอาคารโดยเฉพาะ(Dedicated Outdoor Air Systems) สำหรับในไตรมาสที่ 4 บริษัทจะนำร่องพลิกโฉมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรูปแบบใหม่ที่ขยาย LG ThinQ UP 2.0 ไปสู่การให้บริการและการสมัครสมาชิก ซึ่งปัจจุบันนำร่องเปิดตัวแล้วในอเมริกาเหนือซึ่งผู้ใช้สามารถอัพเกรด4 ฟีเจอร์ใน ThinQ UP ได้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานนวัตกรรมอันล้ำสมัยได้อย่างรวดเร็ว

กลุ่มธุรกิจโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์ทำรายได้ในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 2.5 ล้านล้านวอน (ประมาณ 6.75 หมื่นล้านบาท)และมีผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.9 พันล้านวอน (ประมาณ 3.64 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้และกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของแอลจี บริษัทกำลังเร่งสร้างการเติบโตด้วยการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและการจัดการคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง100ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.67ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าหน่วยธุรกิจนี้จะทำรายได้รวมทั้งปีได้มากกว่า10ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.67แสนล้านบาท) ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจนี้เป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของแอลจี คาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจโซลูชันชิ้นส่วนยานยนต์จะยังคงมีการเติบโตในระดับสูงต่อไป เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์มูลค่าสูงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าอาจจะมีความกังวลเนื่องจากอุปสงค์ของชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวชั่วคราว จากสัญญาณบวกดังกล่าว แอลจีจึงมีแผนที่จะรักษาโมเมนตัมการเติบโตโดยมุ่งเน้นที่โครงการที่ใช้ชิ้นส่วนมูลค่าเพิ่มในระดับสูง และเร่งการผลิตเพื่อส่งออกในภูมิภาคของโรงงาน LG Magna ที่เมืองราโมส อริซเป ประเทศเม็กซิโก

กลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีผลประกอบการไตรมาสที่ 3ที่ 3.57 ล้านล้านวอน (ประมาณ 9.5หมื่นล้านบาท) และมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 110.7พันล้านวอน (ประมาณ 2.95พันล้านบาท)บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่มีกำไรได้ด้วยการจัดการงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าราคาของจอ LCD จะสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็กระจายแหล่งที่มาของกำไรจากการเติบโตของธุรกิจคอนเทนต์และบริการที่อยู่ในแพลตฟอร์มสมาร์ททีวี บริษัทกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ไปสู่ธุรกิจสื่อและความบันเทิงบนแพลตฟอร์ม เนื่องจากตลาดคอนเทนต์และบริการยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้นอกจากแอลจีจะขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ต่างๆแล้วบริษัทยังอัพเกรดระบบปฏิบัติการทีวีเพื่อนำเสนอประสบการณ์รับชมคอนเทนต์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าโดยคาดว่าทีวีที่ใช้webOSซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการพื้นฐานของธุรกิจคอนเทนต์และบริการของแอลจีจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น300ล้านเครื่องภายในปี2569

กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กรทำรายได้ในไตรมาสที่ 3 ที่ 1.33 ล้านล้านวอน (ประมาณ 3.59 หมื่นล้านบาท)โดยขาดทุนจากการดำเนินงาน 20.5 พันล้านวอน (ประมาณ 5.54 พันล้านบาท)ทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรลดลงเนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ไอทีที่หดลงจากความท้าทายดังกล่าวที่ยังคงอยู่บริษัทจึงคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอทีระดับพรีเมียมเช่นจอแสดงผลเชิงพาณิชย์และแล็ปท็อปที่จอภาพพับงอได้ เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ปรับแต่งได้ให้กับผู้ใช้ในขณะเดียวกันก็สร้างการเติบโตโดยสนับสนุนธุรกิจชาร์จพลังงานของยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกใหม่ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของแอลจี

Tagged:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *