แอลจี ชวนคนไทยรับมือฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCareหลากหลายดีไซน์ พร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย ตอบโจทย์การใช้งานทั่วทุกมุมบ้าน

กรุงเทพฯ 19มกราคม2567-เพราะนวัตกรรมไม่จำกัดแต่เพียงเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งานเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแอลจี มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานด้วย “นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”ตามสโลแกน “Innovation for a Better Life” จึงได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทั้งในแง่ของเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการรังสรรค์ดีไซน์และฟังก์ชันที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่หลายๆคนอาจได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 ซึ่งกลายเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่คนไทยและผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ของปี แอลจี จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศออกมาหลากหลายรุ่นครอบคลุมทั้งความสามารถในการกรองฝุ่นการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอันครบครันและดีไซน์ที่ทันสมัยเข้าได้กับการตกแต่งบ้านหลายรูปแบบจนเป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า วันนี้แอลจีจึงขอรวบรวมผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศดีไซน์ต่างๆที่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยหลายสไตล์เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนหันมาใส่ใจการยกระดับคุณภาพอากาศภายในบ้านและส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดี

แอลจี ได้เล็งเห็นเทรนด์การเลือกพื้นที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานที่มีแนวโน้มย้ายเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น เลือกพักอาศัยในอพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียมหรือพื้นที่อยู่อาศัยขนาดเล็กเราจึงได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare 360 Hitเครื่องฟอกอากาศขนาดกะทัดรัดประหยัดพื้นที่ใช้สอยด้วยความสูง 51 เซนติเมตร และความกว้างเพียง 31.5 เซนติเมตร ทำให้ผู้ใช้สามารถวางได้ทุกพื้นที่ในห้องโดดเด่นด้วยทรงกระบอกสีขาว ตัดกับสีดำด้านบน โดยมีระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะแสดงคุณภาพอากาศโดยรวม และที่ด้านบนของเครื่องฟอกอากาศ ยังแสดงผลให้เห็นเป็นสีที่เปลี่ยนแปลงไปตามคุณภาพอากาศ แผงควบคุมการทำงานสีเงินมีปุ่มกดสำหรับเลือกความเร็วของใบพัด และโหมดการใช้งานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายคงเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์แบบ 360 องศาช่วยฟอกอากาศได้ทั้งห้องไม่ว่าจะตั้งที่มุมไหนหรือในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นก็ตามโดยสามารถกรองและฟอกฝุ่นขนาดเล็กก๊าซกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารระเหยได้ถึง 99.9%ปกป้องจากสารก่อภูมิแพ้ ช่วยลดแบคทีเรียด้วย Ionizer ไวรัส ฝุ่นละเอียด และช่วยกระจายอากาศสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างรอบทิศทาง

นอกจากนี้ แอลจีขอมอบอากาศบริสุทธิ์ได้รวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างยิ่งขึ้นด้วยเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare New 360มาพร้อมเทคโนโลยี Clean Booster เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของแอลจี ส่งลมได้เร็วขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์[1]ในระยะไกลสูงสุดถึง 7.5 เมตร โดดเด่นด้วยการใช้สีขาวตัดกับสีดำ ดีไซน์แบบเรียบง่าย เข้าได้กับทุกห้องมาพร้อมใบพัดลมทรงพลัง 360 องศา โดยปีกของใบพัดถูกออกแบบให้เป็นรอยหยักเพื่อลดแรงต้านของอากาศ ช่วยให้ฟอกอากาศได้ทรงพลังยิ่งขึ้นอย่างรอบทิศทาง สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเซ็นเซอร์และจอแสดงผลอัจฉริยะ ส่งมอบคุณภาพอากาศที่ดีที่สุด และให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในห้องได้แบบเรียลไทม์ ผ่านจอแสดงผลอัจฉริยะ 4 สี มาพร้อมระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับ PM 1.0 และยังมีการฟอกอากาศอีกหลายขั้นตอนพร้อมกรองฝุ่นที่มีละอองขนาดเล็กถึง 1.0 ไมครอน(PM1.0) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM2.5 ถึง 2.5 เท่า ได้ถึง 99.999เปอร์เซ็นต์[2]และสามารถกำจัดเชื้อไวรัส[3]และแบคทีเรีย[4]ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการลดปริมาณเชื้อไวรัสและแบคทีเรียด้วยเทคโนโลยีPlasmaster Ionizer

นอกจากนี้ แอลจียังได้เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศ LG PuriCare Aero Series ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย และฟังก์ชันครบครัน เป็นมากกว่าเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งประกอบไปด้วยLG PuriCare AeroTowerและ LG PuriCare AeroFurniture

เพิ่มอากาศสะอาดและเย็นสบายด้วยเครื่องฟอกอากาศดีไซน์ทันสมัยอย่างLG PuriCare AeroTowerซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งฟังก์ชันแบบ 2-in-1 ทั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศและพัดลม ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ในรูปทรงกระบอกสูงโดยตัวฐานของเครื่องสามารถดึงอากาศได้จากทุกทิศทางเพื่อกระจายลมได้360องศาโดยใช้เทคโนโลยีAir-Valleyที่สร้างและกระจายลมได้ราวกับสายลมที่ไหลผ่านหุบเขาทำให้เกิดการไหลเวียนอากาศที่ทรงพลังแต่กลับทำงานด้วยเสียงที่เบาเพียง23เดซิเบลจึงไม่รบกวนการพักผ่อนทั้งยังมาพร้อมโหมดกระจายลมแบบ2-Wayไม่ว่าจะเป็นการกระจายลมแบบกว้างและแบบสายลมธรรมชาติโดยโหมดกระจายลมกว้างจะช่วยกระจายอากาศภายในห้องขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพส่วนโหมดสายลมธรรมชาติจะให้สายลมที่อ่อนโยนอย่างพอดีจึงรองรับการใช้งานในห้องต่างๆภายในบ้านได้หลากหลายสไตล์

ส่วนLG PuriCare AeroFurniture คือคำจำกัดความอันสมบูรณ์แบบสำหรับการเป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะมาในรูปทรงของโต๊ะที่จะช่วยเพิ่มประโยชน์ใช้สอยพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามการันตีด้วยรางวัล Red Dot Design 2023สาขาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านการออกแบบ โดยมีให้ลูกค้าเลือกถึง 3 สีเพื่อรองรับทุกสไตล์การแต่งห้องได้แก่สีขาวสีเหลืองและสีแดงเพิ่มสีสันทั้งยังพร้อมสร้างบรรยากาศให้กับทุกการใช้งานได้ด้วยโคมไฟ Mood Lighting ที่สามารถเปลี่ยนแสงไฟด้วยการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม หรือสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน LG ThinQและมีระบบฟอกอากาศที่เปี่ยมประสิทธิภาพจากตัวกรองHEPA 360 ที่กำจัดแบคทีเรียในอากาศได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ทำงานด้วยเสียงเบาเพียง 21 เดซิเบลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วยฟีเจอร์แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายนี่จึงเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์และเติมเต็มดีไซน์และการใช้งานให้กับห้องของคุณได้แบบไม่เหมือนใคร

นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่จากแอลจียังมอบความสะดวกสบายด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันLG ThinQ บนสมาร์ทโฟนของผู้ใช้เพื่อให้คุณสามารถควบคุมและตรวจสอบการทำงานและคุณภาพอากาศให้คนที่บ้านได้อย่างสะดวกสบายจากทุกที่ มาพร้อมดีไซน์และฟังก์ชันทันสมัยเข้ากับทุกการตกแต่ง เหมาะเป็นอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่หลายพื้นที่ในประเทศไทยปกคลุมไปด้วยมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีเทคโนโลยีที่กรองและฟอกฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างแท้จริง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัวและคนที่คุณรักโดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ที่

[1]ทดสอบโดยห้องปฏิบัติการภายในของ LG ที่มีพื้นที่ปิด 259 ลูกบาศก์เมตร (9.8 x 9.8 x 2.7 เมตร) โดยใช้ PuriCare 360° (รุ่น AS309DWA) โดยเปิดโหมด Clean Booster โดยวัดความเร็วลมที่ความสูง 1.5 เมตรที่ความสูง ห่างจากสินค้า 7.5 เมตร
[2]ทดสอบและได้รับการรับรองโดยศูนย์วิจัย Korea Conformity Laboratories (KCL) ประเทศเกาหลีใต้ ว่าสามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาด 0.01μm ได้ถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 60 นาที หลังจากใช้งานเครื่องฟอกอากาศ LGPuriCare™ รุ่น AS309DWA ในโหมด Clean Booster เป็นเวลา 20 นาที ในห้องขนาด 30.3m3
[3]ทดสอบและได้รับการรับรองโดยสถาบัน Korea Testing and Research (KTR) ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563
[4]ทดสอบและได้รับการรับรองโดยบัณฑิตวิทยาลัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563
Tagged:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *