9พฤศจิกายน2566, กรุงเทพมหานคร–กระทรวงพลังงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST)สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้ (CCPIT-Shanghai)และสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน (CAS-ICCB)ในฐานะเจ้าภาพ ร่วมกันจัดพิธีเปิดงาน “2023 Green Technology Expo”โดยจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้และการกระจายเทคโนโลยี ทั้งด้านพลังงาน การขนส่ง การเกษตร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งไทยและต่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนนโยบาย UN Policy และประชาคมโลก เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก การพัฒนาแบบยั่งยืน (SDG) และการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคโดยงาน 2023 Green Technology Expoมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงจำนวนกว่า 100รายซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12พฤศจิกายน 2566ณ ฮอลล์ 98ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC)ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงานตลอด 4วัน ไม่น้อยกว่า 4,000คน
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า “เป็นที่ยอมรับและรับรู้กันว่า โลกของเรากำลังเผชิญ กับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลต่อทุกชีวิตที่อาศัยบนโลกนี้ และ สาเหตุสำคัญ คือการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งมีอัตรา เพิ่มขึ้นหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในช่วงศตวรรษที่ 18-19 และเป็นช่วงเวลาที่มี ความก้าวหน้าทางวิชาการ โดยเฉพาะความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการพัฒนา เทคโนโลยี มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรไอน้ำ การค้นพบน้ำมัน นวัตกรรม เครื่องจักรกล การผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตและการกระจายสินค้าให้เข้าถึงทุกภูมิภาคของโลก รวมทั้ง ทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น จนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องขอบคุณนักวิจัย และนวัตกรรมเหล่านั้นแต่ความสุขและเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นได้มาพร้อมกับการสะสมก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งมีผลกับทุกคน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ดังนั้น การลดปัญหาที่เกิดขึ้น จึงต้องแก้ที่เหตุและผลมีหนทางเดียวคือ การใช้ความรู้ ความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรุ่นใหม่ ที่จะช่วยกันประดิษฐ์คิดค้น กับสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่ โดยทุกกระบวนการ จะไม่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
โดยปัจจุบัน ภาครัฐของประเทศให้ความสำคัญต่อความร่วมมือกับนานาชาติเพื่อ ขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 และ 2065 ตามลำดับ ตามที่ประกาศไว้ในการประชุม COP26 ผ่านการกำหนดและขับเคลื่อนนโยบาย SDG และ BCG Economy ในทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ ภาคพลังงานมีการส่งเสริมการ ใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าการส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตามนโยบาย 30/30 รวมถึงการให้ความสำคัญต่อมาตรการทางการเงินและภาษี ที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวข้างต้นให้ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ การจัดงาน2023 Green Technology Expoครั้งนี้ จึงเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อโลก ก่อให้เกิดการกระจายการใช้ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์กับทุกชีวิตบนโลกนี้” ดร.ประเสริฐ กล่าว
ศ.ดร.พิชัย สนแจ้ง เลขาธิการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีนกล่าวว่า “สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-จีน ก่อตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือจากกลุ่มผู้ประกอบการ นักธุรกิจ นักวิชาการ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนการสร้างนวัตกรรม และการใช้เทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ การพัฒนาต่อยอดธุรกิจ และสามารถลดปัญหาสำคัญของโลก หรือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการกระจายสินค้า ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลและสังคมนานาชาติ ในการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Changeการจัดงาน “2023 Green Technology Expo”ครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้และการกระจายเทคโนโลยีรวมถึงการสร้างนวัตกรรม โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง CCPIT นครเซี่ยงไฮ้, CAS-ICCB มูลนิธิสยามกัมมาจล มูลนิธิ SCG รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน เจ้าของเทคโนโลยี ร่วมจัดแสดงมากกว่า 100 บริษัท ซึ่งนอกจากการแสดงสินค้าและเทคโนโลยีแล้ว ยังจัดให้มีการสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการส่งเสริมการลงทุน การเงิน และความพร้อมของประเทศ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ให้นักลงทุนมั่นใจกับการลงทุนด้าน Green Technology ในประเทศ รวมทั้ง การนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจ การสร้างเครือข่ายและต่อยอดธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของสังคมโลก” ศ.ดร.พิชัยกล่าว
นายหม่า อี้รองประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้ (CCPIT-Shanghai)กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้นำแบบแผนการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) มาเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลเพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกันซึ่งสอดคล้องกับทางรัฐบาลจีนที่สนับสนุนในเรื่องของการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์มาอย่างยาวนานควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ขณะเดียวกัน แผนยุทธศาสตร์ของไทย อาทิ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้สอดคล้องเข้ากับยุทธศาสตร์ของจีนในการริเริ่มสร้างโครงการ “Belt and Road (BRI)” โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะสร้างประชาคมจีน-ไทยร่วมกันในอนาคต เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ว่า“จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” ก่อให้เกิดความร่วมมือทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งผลในเชิงบวกต่อการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างและได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย” นายหม่ากล่าว
ดร.เจียง เปียว ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนกล่าวว่า “งาน 2023 Green Technology Expo ครั้งนี้ เป็นมากกว่างานจัดแสดงผลงานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี แต่เป็นการรวมตัวกันของผู้ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการสร้างโลกที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการสร้างและพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันที่มีศักยภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน อนุรักษ์ทรัพยากร และปกป้องระบบนิเวศทางธรรมชาติ เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับคนรุ่นต่อไป โดยเชื่อว่างานนี้จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกภาคส่วนในการดำเนินการธุรกิจหรือโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต กระจายเทคโนโลยีและการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา หรือร่วมปกป้อง ป้องกันวิกฤตและส่งต่อโลกที่สวยงามและยั่งยืนสู่คนรุ่นใหม่ต่อ ๆ ไป ควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจ”ดร.เจียง กล่าว
สำหรับพิธีเปิดงาน2023 Green Technology Expoได้รับเกียรติจาก นางสาวจาง เซียว เซียวอัครราชทูตฝ่ายพาณิชย์แห่งประเทศจีนเป็นสักขีพยานความร่วมมือระหว่างจีนและไทย โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีด้านพลังงาน การเกษตร การก่อสร้างและสิ่งแวดล้อม โดยมีเจ้าของเทคโนโลยี EV ทุกประเภทจากหลายค่าย เช่น BYD, GWM, MG, WULING และการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศของ CHANGAN หนึ่งในผู้นำ EV ระดับโลก รวมทั้งเทคโนโลยีระบบชาร์จและแบตเตอรี่ล่าสุด และการแสดงการผลิต การใช้ไฮโดรเจนแหล่งพลังงานในอนาคตที่จะปฏิวัติการใช้พลังงานของโลกอย่างสิ้นเชิง ทั้งการผลิตไฟฟ้า Mobility รวมทั้งผลิตภัณฑ์สีเขียวจาก Hydrogen ทั้ง Ammonia และ Methanolตลอดระยะเวลาการจัดงานทั้ง4วันผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับกูรูจากแวดวงต่าง ๆ ที่จะหมุนเวียนขึ้นเวทีเสวนา เพื่อมอบองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงกับผู้สนใจในหัวข้อต่าง ๆ พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อสนับสนุนการลงทุน และการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดเครือข่ายและต่อยอดธุรกิจ ตลอดจนการนำเสนอแนวทางการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีจากหน่วยภาครัฐที่รับผิดชอบ เช่น NIA, TED Fund เป็นต้น
2023 Green Technology Expoเริ่มแล้ววันนี้และจะมีไปจนถึงวันที่ 12พฤศจิกายนนี้ผู้สนใจสามารถร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น. บริเวณฮอลล์ 98ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC)ติดตามข้อมูลและข่าวสารของงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.greentechnology-expo.comหรือที่
เพจเฟซบุ๊ก Green Technology Expo