หัวเว่ย เสริมแกร่งผู้ให้บริการด้วยเทคโนโลยี 5G และ 5.5G เพื่อการเติบโตทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต

บาร์เซโลนาประเทศสเปน, 28กุมภาพันธ์พ.ศ. 2567 หัวเว่ย เป็นเจ้าภาพจัดงาน “5G Beyond Growth Summit”  ในงาน โมบายล์เวิลด์คองเกรส(Mobile World Congress 2024 – MWC) ณ กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปนเมื่อเร็วๆ นี้ โดยนายหลี่เผิงรองประธานอาวุโสฝ่ายองค์กรและประธานฝ่ายขายและบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหัวเว่ย ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ถึงการที่เทคโนโลยี 5G จะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายประสบความสำเร็จรวมถึงการที่เทคโนโลยี 5.5G จะเข้ามาช่วยปลดล็อคศักยภาพที่เหนือกว่าของเครือข่ายและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคตให้กับผู้ให้บริการ

นายหลี่กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G กำลังไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ” ทั้งนี้ เทคโนโลยี 5G ถูกนำมาใช้งานในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานมากกว่า 1,500 ล้านคนทั่วโลก เมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยี 4G ที่ต้องใช้เวลาถึง 9 ปี ในการได้จำนวนผู้ใช้งานเท่ากัน โดยในปัจจุบันร้อยละ 20 ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือใช้งานบนเทคโนโลยี 5G ซึ่งนับเป็นร้อยละ 30 ของการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายทั้งหมด และสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการถึงร้อยละ 40เทคโนโลยี 5.5G จะเริ่มเข้ามามีบทบาทการใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2567 และด้วยความสามารถของเทคโนโลยี 5.5G นี้ ผนวกกับ AI และการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีคลาวด์ จะทำให้ผู้ให้บริการสามารถปลดล็อคศักยภาพของแอปพลิเคชันและความสามารถใหม่ๆ ได้อีก”

เขากล่าวเสริมว่าผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกควรให้ความสำคัญกับการให้บริการเครือข่ายคุณภาพสูง มองหาการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง บริการใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆเข้ามาใช้งานเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจเอาไว้

เครือข่ายคุณภาพสูงยังคงเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ

ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือนั้นยินดีที่จะอัปเกรดแพ็คเกจการใช้งานของตัวเองหากเครือข่ายนั้นๆ สามารถมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าได้ โดยการใช้งานดาต้าของผู้ใช้งานเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอีกสูงมาก ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างมูลค่าจากการใช้งานเหล่านี้ได้อีก และจะทำให้เราได้เห็นผู้ให้บริการเครือข่ายจำนวนมากที่กำลังมีแผนงานและกลยุทธ์ที่จะเพิ่มระบบเครือข่าย 5G ที่มีคุณภาพสูงเข้ามา

ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายในทวีปตะวันออกกลางได้นำเทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบ Massive MIMO มาใช้งานแล้ว และด้วยประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าบนระบบนี้ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีเทคโนโลยี 5G FWA เข้าสู่ตลาดได้สำเร็จ โดยในปัจจุบันเทคโนโลยี 5G FWA ได้เชื่อมต่อผู้คนจากกว่า 3 ล้านครัวเรือนเข้าด้วยกัน และถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ผู้ให้บริการ

สร้างมูลค่าเพิ่มจากหลากหลายช่องทาง และหลากหลายรูปแบบ

ปัจจุบันผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ทั่วโลกกว่าร้อยละ 20 มีการนำเสนอบริการในรูปแบบแพ็คเกจที่มีการจัดระดับความเร็วเป็นขั้นตามความต้องการ เช่นผู้ให้บริการเครือข่ายรายหนึ่งในประเทศไทยมีการนำเสนอแพ็คเกจลักษณะ Boost Mode ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกระดับความเร็วที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองได้ โดยการออกแบบแพ็คเกจลักษณะนี้สามารถเพิ่มอัตรารายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งานหรือ ARPU ได้ประมาณร้อยละ 23 หรือผู้ให้บริการเครือข่ายรายหนึ่งในประเทศจีนได้มีการออกแบบแพ็คเกจที่รับประกันความเร็วอัปโหลดสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นการใช้งานแบบ Livestream เพื่อการใช้งานที่ต้องการความละเอียดสูงและประสบการณ์ที่ลื่นไหล โดยแพ็คเกจดังกล่าวได้รับความนิยมและสามารถเพิ่มอัตรารายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งานได้มากกว่าร้อยละ 70

นายหลี่ เผิง กล่าวเปิดงาน “5G Beyond Growth Summit”

บริการรูปแบบใหม่ๆ จะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

บริการรูปแบบใหม่ๆ เช่น New Calling, Cloud phones หรือบริการ 3D แบบที่ไม่ต้องสวมแว่น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นจากเหล่าผู้ใช้งาน เช่นฟังก์ชันตัวละครเสมือนหรือ avatar ที่อยู่ในบริการ New Calling นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงมีการแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อประสบการณ์แบบเรียลไทม์ เช่น การเคลมประกันรถแบบ one-stop จบในที่เดียว

นอกจากนี้เทคโนโลยี 5G ยังถูกนำไปใช้งานจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยในประเทศจีนมีการใช้งานเครือข่าย 5G ในรูปแบบส่วนบุคคลในระดับอุตสาหกรรมกว่า 50,000 เครือข่าย ในกว่า 50 อุตสาหกรรม และด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี 5.5G เช่นอัตราความหน่วงที่สามารถกำหนดได้ ความแม่นยำในการส่งต่อข้อมูล และการใช้งาน IoT แบบ passive จะสามารถเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายในตลาด B2B ได้อีกมาก

Generative AI จะช่วยนำพาอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือเข้าสู่ยุคอัจฉริยะ

รายงานจาก IDC ระบุว่าในปี พ.ศ. 2567 จะมียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยี AI ในตัวกว่า 170 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 15 ของยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนทั้งหมด โดยสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยี AI ในยุคใหม่นี้จะมาพร้อมกับหน่วยความจำที่มากกว่า ความสามารถในการแสดงผลหน้าจอและภาพถ่ายที่เหนือกว่า และการทำงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากแอปพลิเคชัน AIGC เหล่านี้จะก่อให้เกิดการใช้ข้อมูลอย่างมหาศาล และแน่นอนหมายถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของผู้ให้บริการเครือข่ายด้วย

นายหลี่ ได้กล่าวปิดท้ายงานด้วยคำมั่นว่า “เราและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจะร่วมกันปลดล็อคศักยภาพของเทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยี 5.5G และร่วมสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืนไปด้วยกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *