“ฟูจิฟิล์ม”เดินหน้าเสริมทัพธุรกิจเฮลท์แคร์เต็มสูบ! เปิดตัวไลน์อัพโซลูชันทางการแพทย์ในคอนเซ็ปต์One Stop, Total Healthcare Solution ชูนวัตกรรมการถ่ายภาพทางการแพทย์ รวมถึงเทคโนโลยีAI และ โซลูชันด้าน ITเพื่อการวินิจฉัยโรคครบวงจร ต่อยอดความเชี่ยวชาญ-ประสบการณ์กว่า 80ปีเดินหน้ายกระดับวงการแพทย์ทั่วโลกด้วย พร้อมเร่งช่วยเหลือสังคมไทยอย่างเต็มกำลัง

กรุงเทพฯ 16กุมภาพันธ์2566บริษัท ฟูจิฟิล์ม เฮลท์แคร์ เอเชียแปซิฟิกจำกัดผู้ให้บริการ Total HealthcareSolution ชั้นนำระดับโลกประกาศรุกธุรกิจเฮลท์แคร์ในประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมโชว์ไลน์อัพโซลูชันการถ่ายภาพรังสีแบบครบวงจรภายใต้คอนเซ็ปต์One Stop, Total Healthcare Solutionที่ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์อันยาวนานด้านเทคโนโลยีการประมวลภาพขั้นสูง พร้อมเสริมทัพด้วยระบบAIล้ำสมัยโดยโซลูชันเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์จากฟูจิฟิล์มจะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการวินิจฉัยทางการแพทย์องค์กรเผยพร้อมนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพรังสีกว่า 80ปีมาช่วยติดปีกวงการสาธารณสุขในประเทศไทย

ฟูจิฟิล์ม กล่าวว่าประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญที่มีมูลค่าสูง โดยนวัตกรรมเพื่อสุขภาพจะสามารถเข้ามาช่วยยกระดับวงการแพทย์ให้รุดหน้าได้ฟูจิฟิล์ม พร้อมเดินหน้าสานต่อปณิธานและความมุ่งมั่นขององค์กร ที่จะไม่หยุดสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคมและช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืนภายใต้พันธกิจในการสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นสำหรับผู้คนทั่วโลกโดยตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกสำหรับธุรกิจโซลูชันทางการแพทย์ไว้ที่7แสนล้านเยนในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2027โดยเติบโตจากปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2022ถึง30%ซึ่งถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเป้ายอดขายรวมทั้งสิ้น 1 ล้านล้านเยนสำหรับกลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ทั้งหมดของบริษัท

มร. โนริยูกิ คาวาคูโบะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม เฮลท์แคร์ เอเชียแปซิฟิกจำกัดเล่าถึงภาพรวมของธุรกิจฟูจิฟิล์มว่า“ฟูจิฟิล์ม เป็นองค์กรด้านนวัตกรรมชั้นนำระดับโลกซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตฟิล์มถ่ายภาพโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์มได้ปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการและโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอเราได้พลิกโฉมองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจและนำเสนอโซลูชันให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างคุณค่าให้แก่สังคมอย่างไม่หยุดยั้งปัจจุบันฟูจิฟิล์มเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการขยายองค์กรที่ครอบคลุม 4 ภาคธุรกิจได้แก่ 1.ธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ    2. ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ 3. ธุรกิจนวัตกรรมสิ่งพิมพ์เพื่อธุรกิจและ 4. ธุรกิจด้านการถ่ายภาพ”

ธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพ ถือเป็นธุรกิจที่องค์กรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งฟูจิฟิล์มก้าวสู่ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1936ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟิล์มเอกซเรย์ที่เป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกต่อมาในปีค.ศ.1981ฟูจิฟิล์มเป็นบริษัทแรกของโลกที่นำระบบดิจิทัลมาใช้แปรสัญญาณภาพเอกซ์เรย์เพื่อการวินิจฉัยเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยใช้แผ่นไวแสงแบบพิเศษ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนำไปสู่การสร้างFuji Computed Radiography (FCR)ในปี ค.ศ 1983 และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001เป็นต้นมา เทคโนโลยีภาพถ่ายดิจิทัลทางการแพทย์ ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นการยกระดับวงการแพทย์และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนทั่วโลก ฟูจิฟิล์ม จึงมุ่งบุกเบิกนวัตกรรมเพื่ออนาคตของวงการแพทย์ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Digital Transformationอย่างเต็มรูปแบบ” มร. โนริยูกิ คาวาคูโบะอธิบายเพิ่มเติม

 ในปี2021 ฟูจิฟิล์มได้เดินหน้าเสริมทัพธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ภายใต้เป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันเฮลท์แคร์แบบครบวงจรด้วยการเข้าซื้อธุรกิจที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคด้วยภาพของ บริษัท ฮิตาชิ จำกัด(Hitachi)และเปลี่ยนชื่อเป็น Fujifilm Healthcare Corporationหลังจากนั้น ธุรกิจเฮลท์แคร์ของฟูจิฟิล์มก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเคยโดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพทางการแพทย์ เพราะนอกจากเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล, กล้องส่องตรวจระบบทางเดินอาหาร, เครื่องอัลตราซาวด์, เครื่องแมมโมแกรมตรวจเอกซเรย์เต้านม ก็ยังได้เทคโนโลยี MRI และ CT Scan มาเสริมทัพให้โซลูชันการวินิจฉัยทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มครบวงจรมากยิ่งขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเครื่องมือเหล่านี้ได้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทางการแพทย์องฟูจิฟิล์มอย่าง REiLI”ก็ยิ่งยกระดับการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 “ด้วยไลน์อัพนวัตกรรมที่ครบวงจรและเป้าหมายอันแน่วแน่ในการรุกธุรกิจเฮลท์แคร์อย่างเต็มสูบ บริษัทจึงประกาศเร่งช่วยเหลือสังคมและเชื่อมต่อบุคลากรทางการแพทย์กับโลกแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด Bridging the Future of Healthcare ตอกย้ำเป้าหมายในการก้าวเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ ในฐานะผู้ให้บริการ Total Healthcare Solution อย่างแท้จริง”    มร. โนริยูกิ คาวาคูโบะเน้นย้ำ

ด้าน มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย มุ่งดำเนินงานให้สอดคล้องกับพันธกิจพื้นฐานของบริษัทในการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาทางสังคมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนนอกจากนี้ หนึ่งในเป้าหมายหลักภายใต้แผนการส่งเสริมคุณค่าที่ยั่งยืนในปี2030ขององค์กร คือการปรับปรุงการเข้าถึงการดูแลรักษาพร้อมช่วยลดภาระในการดูแลผู้ป่วย เพื่อยกระดับวงการสาธารณสุขและคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก รวมถึงชาวไทยฟูจิฟิล์ม จึงเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมและโซลูชันที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคมาโดยตลอดจุดเด่นของโซลูชันทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มคือการนำนวัตกรรมการถ่ายภาพทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์ม ซึ่งได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานจากทั่วโลก มาผสานกับการใช้เทคโนโลยีAI และโซลูชันด้านไอทีเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตรวจหาโรคได้อย่างทันท่วงที แม่นยำ และลดภาระในการทำงานของแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความถึงการรองรับผู้ป่วยที่มากขึ้น ตลอดจนโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของชุมชนห่างไกล นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยและคนทั่วโลก”

 หนึ่งในนวัตกรรมที่ถือเป็นไฮไลต์ของฟูจิฟิล์ม ได้แก่ เครื่องเอกซเรย์แบบพกพา FDR Xairที่เข้ามาตอบโจทย์การตรวจคัดกรองโรคนอกสถานพยาบาลของแพทย์ ด้วยน้ำหนักเพียง 3.5 กิโลกรัม สามารถพกพาและใช้งานได้ในหลายพื้นที่เช่นใช้ในการออกเยี่ยมผู้ป่วยในชุมชนห่างไกลของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เป็นต้น FDR Xairมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และออกแบบมาเพื่อการใช้งานนอกสถานที่อย่างแท้จริง เมื่อใช้งานร่วมกับ FDR-D EVO II แผ่น Detectorที่มาพร้อมเทคโนโลยีVirtual Grid ที่ช่วยประมวลผลภาพแบบคมชัดสูงสุดที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์ม ประสบความสำเร็จในการนำโซลูชันเหล่านี้ มาคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคจากการลงพื้นที่ในชุมชนห่างไกล ในจังหวัดเชียงราย ร่วมกับศูนย์บริการสุขภาพฯมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงนอกจากนี้ ยังได้ใช้ FDR Xairในการคัดกรองวัณโรคในพื้นที่ห่างไกลในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็วและรับการรักษาได้ต่อไปมร. โซ มารูโอะกล่าว

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามายกระดับการตรวจวินิจฉัยระหว่างการผ่าตัด ได้แก่ FDR Cross เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลไร้สายที่มาพร้อมระบบ C-armสำหรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ความละเอียดสูง ช่วยเสริมความคล่องตัวให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมาก เพราะสามารถเปลี่ยนแผ่น Detector ตามขนาดที่ต้องการใช้งานได้พร้อมด้วยระบบ Flurocartอัจฉริยะ ไฮไลต์สำคัญคือฟังก์ชันการทำงานแบบ 2 in 1ที่เป็นทั้งเครื่องเอกซเรย์ Fluoroscopy สำหรับตรวจอวัยวะภายในร่างกายแบบเรียลไทม์ และเป็นเครื่องเอกซเรย์ Radiography ดิจิทัลในหนึ่งเดียว

“ที่ผ่านมา ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากบุคลากรทางการแพทย์มาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ นับตั้งแต่การก่อตั้งสำนักงานในไทยเมื่อปี ค.ศ.1989เพราะจุดแข็งของเรา คือ ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการถ่ายภาพทางการแพทย์อย่างครบวงจร เพื่อภาพที่เหมาะกับการวินิจฉัยโรคมากที่สุด ตลอดจนการบริการและการบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์อย่างทันท่วงที ประเทศไทย นับเป็นตลาดสำคัญสำหรับธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพของฟูจิฟิล์ม ด้วยไลน์อัพโซลูชันที่ครบวงจรนี้ เราคาดว่ากลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ของบริษัทจะโต 30% ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2027 ภายใต้เป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการTotal Healthcare Solutionอันดับหนึ่งในตลาดโซลูชันถ่ายภาพเอกซเรย์ดิจิทัลในประเทศไทย

 เมื่อปี 2019บริษัทฟูจิฟิล์มเอเชียแปซิฟิกจำกัด ได้ร่วมกับภาควิชารังสีเทคนิคคณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดศูนย์ฝึกอบรม“MAHIDOL UNIVERSITY-FUJIFILM Asia Pacific Healthcare Learning Academy (MU-FAHLA) Center for Advanced Medical ImagingInformatics” ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านรังสีเทคนิคระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแห่งแรกใประเทศไทยด้วยการผนึกกำลังระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาคและผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการถ่ายภาพรังสีดิจิทัลและเวชศาสตร์สารสนเทศศูนย์แห่งนี้จึงสามารถสร้างหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีมาตรฐานและเป็นระบบสำหรับนักรังสีเทคนิคและเจ้าหน้าที่ไอทีในโรงพยาบาลใประเทศไทยและทั่วโลก ศูนย์ฯ ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแพทย์คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้การอบรมแก่ผู้บริหารจัดการและวิศวกรระบบ PACS (Picture Archiving and Communication System-ระบบการจัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์) กว่า 50 น ที่ปัจจุบันนำความรู้จากหลักสูตรไปใช้ในโรงพยาบาลในหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมา และประเทศอื่นๆ

“ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ฟูจิฟิล์มมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมของประเทศไทย โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพผ่านเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานของแพทย์ในหลากหลายรูปแบบและสถานที่ เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาวะที่ดี เราพร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและพันธมิตรเพื่อเดินหน้าจัดหาโซลูชันในการดูแลสุขภาพของผู้คนในสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆกลับคืนสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้แคมเปญระดับโลกNEVER STOP ของเรา”      มร. โนริยูกิ คาวาคูโบะกล่าวทิ้งท้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *