แคนนอน ฉลองแชมป์ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั่วโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องดิจิทัลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้เป็นปีที่ 22 ติดต่อกัน

กรุงเทพฯ 19 มีนาคม 2568 – แคนนอน อิงค์ (Canon Inc.) ประกาศความสำเร็จในการครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก[1] ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องดิจิทัลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (กล้อง DSLR และกล้องมิเรอร์เลส) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2546 – 2568

กล้องดิจิทัลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ซีรีส์ EOS ของแคนนอน ใช้ระบบการถ่ายภาพที่ยึดมั่นในแนวคิดพื้นฐานที่ว่า “Speed, Comfort, and High Image Quality – ต้องรวดเร็ว ใช้สะดวก และคุณภาพของภาพสูง” ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาส่วนประกอบหลักที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแคนนอนไว้มากมาย ทั้งเซนเซอร์ภาพ CMOS ชิปประมวลผลภาพ DIGIC ไปจนถึงเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ แคนนอนยังมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยขยายไลน์อัปทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มเรือธงประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับความไว้วางใจจากช่างภาพมืออาชีพ ไปจนถึงรุ่นเริ่มต้นที่ให้ผู้ใช้มือใหม่สามารถเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพเต็มประสิทธิภาพด้วยการใช้งานที่ง่าย รวมไปถึงความหลากหลายของเลนส์ในซีรีส์ RF และ EF กว่า 120 รุ่น[2] ที่จะทำให้ผู้ใช้งานแสดงความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นจริงและมีคุณค่า เพื่อคอยสนับสนุนความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

ภาพประกอบข่าว_แคนนอน ฉลองแชมป์ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั่วโลก_03.jpg
ตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี กล้องแคนนอนซีรีส์ EOS ถือเป็นผู้นำตลาดโดยมีรุ่นยอดนิยมที่โดดเด่นมากมาย โดยในยุคเริ่มต้นของกล้อง DSLR แคนนอนได้เปิดตัว EOS 300D  (รุ่น EOS Digital Rebel หรือ EOS Kiss Digital ในภูมิภาคอื่น ๆ)  ในเดือนกันยายน 2546 การเปิดตัวกล้องรุ่นบุกเบิกในระดับราคาที่แข่งขันได้ มีความกะทัดรัด และน้ำหนักเบา ทำให้แคนนอนสามารถกระตุ้นการเติบโตของตลาดกล้อง DSLR จนครองส่วนแบ่งตลาดได้มากที่สุดในโลก และถือเป็นการประกาศถึงยุคกล้อง DSLR อย่างเป็นทางการ

แคนนอนยังคงเปิดตัวนวัตกรรมกล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวกล้องระดับมืออาชีพในซีรีส์ EOS-1D และ EOS 5D ซึ่งปูทางไปสู่การบันทึกวิดีโอด้วยกล้อง DSLR เต็มรูปแบบ ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการขยายขอบเขตการถ่ายภาพให้กว้างขึ้น นำไปสู่การเปิดตัวระบบใหม่ EOS R SYSTEM ในเดือนตุลาคม 2561 รวมถึงกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมอย่างรุ่น EOS R5 กล้องรุ่นแรกที่สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 8K[3] ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2563   และรุ่น EOS R3 ที่มีประสิทธิภาพในการติดตามและการถ่ายภาพต่อเนื่องวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ในเดือนพฤศจิกายน 2564  นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม 2564 บริษัทฯ ยังเปิดตัวระบบ EOS VR SYSTEM ซึ่งออกแบบมาเพื่อการบันทึกคอนเทนต์วิดีโอเสมือนจริง (Virtual Reality) โดยเฉพาะ

และในปี 2567 ที่ผ่านมา แคนนอนก็สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั่วโลกได้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นปีที่ 22 ติดต่อกัน จากการปรับปรุงประสิทธิภาพในกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องและเลนส์ซีรีส์ EOS R ที่ดียิ่งขึ้น

ภาพประกอบข่าว_แคนนอน ฉลองแชมป์ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั่วโลก_02.jpg
โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้อง แคนนอนได้เปิดตัวรุ่น EOS R5 Mark II (สิงหาคม 2567) ซึ่งเป็นกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมที่ผสานขีดความสามารถการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่าง ๆ ไว้ในหนึ่งเดียวพร้อมรูปแบบการใช้งานที่คล่องตัว และรุ่น EOS R1 (พฤศจิกายน 2567) กล้องเรือธงรุ่นแรกของระบบ EOS R SYSTEM โดยทั้งสองรุ่นใช้ระบบการประมวลผลภาพแบบใหม่ “Accelerated Capture” และผสานฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอที่หลากหลาย มาจากกล้องถ่ายภาพยนตร์ในระบบ CINEMA EOS SYSTEM เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และถ่ายภาพด้วยความเร็วสูงได้อย่างแม่นยำ
ภาพประกอบข่าว_แคนนอน ฉลองแชมป์ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั่วโลก_04.jpg
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ในปี 2567 แคนนอนได้ขยายไลน์อัปผลิตภัณฑ์เลนส์ฟิกซ์ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่ในซีรีส์ L เพื่อยกระดับการผลิตงานวิดีโอ และได้เปิดตัวเลนส์ RF เพิ่มอีก 15 รุ่น[4] ซึ่งรวมถึงเลนส์ใหม่ 2 รุ่นสำหรับการผลิตวิดีโอเสมือนจริงแบบ 3 มิติ เพื่อตอบสนองตลาดงานวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้นและรองรับการถ่ายภาพ 3 มิติเต็มระบบ

แคนนอนยังคงมุ่งมั่นปรับปรุงเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่เป็นเอกสิทธิ์ของบริษัทฯ ต่อไป เพื่อมอบความสมบูรณ์แบบและความสนุกสนานให้กับชีวิตประจำวันของผู้คน ตลอดจนส่งเสริมวัฒนธรรมภาพถ่ายและวิดีโอให้แพร่หลายด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

Loading