Nothing เปิดตัว Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงสุดล้ำ ที่ปลดปล่อยทุกความสร้างสรรค์ พร้อม Headphone (1) หูฟังครอบหูรุ่นแรกของ Nothing ที่สุดแห่งนวัตกรรม กับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 25 กรกฎาคม 2568 – Nothing ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติอังกฤษ ประกาศเปิดตัว Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริงจาก Nothing กับการยกระดับประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น โฉมใหม่ด้วย Glyph Matrix ที่จะทำให้เทคโนโลยีสนุกกว่าที่เคย มาพร้อมหน้าจอ Flexible AMOLED ใหญ่จุใจ 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K คมชัดในทุกมิติ ผสานพลังความอัจฉริยะของชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ® ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Android 15 และ Nothing OS 3.5 มาพร้อมดีไซน์โปร่งใสเห็นกลไกภายในที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Nothing พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัว Headphone (1) หูฟังแบบครอบหูรุ่นแรกจาก Nothing ที่สุดของประสบการณ์เสียงที่พัฒนาร่วมกับ KEF ผู้นำนวัตกรรมด้านเสียงระดับตำนานสัญชาติอังกฤษ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ฟังที่สมจริง ด้วย Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตร ให้คุณภาพเสียงชัดทุกรายละเอียด มาพร้อมการควบคุมแบบ Tactile Controls ที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำเพียงปลายนิ้วสัมผัส ฉีกทุกกฎของการดีไซน์เพื่อสร้างสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
 
Phone (3)
Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริงจาก Nothing ที่มาพร้อมนิยามใหม่เพื่อพลิกโฉมการใช้เทคโนโลยี ที่ทั้งสนุก แสดงออกถึงตัวตน และสะท้อนถึงเอกลักษณ์ในแบบฉบับเฉพาะของ Nothing มาพร้อมกับการพัฒนาดีไซน์ที่เป็นซิกเนเจอร์ด้วย Glyph Matrix โฉมใหม่, ดีไซน์รูปเรขาคณิตที่โดดเด่น, วัสดุระดับพรีเมียม และการยกระดับประสิทธิภาพการใช้งานที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
นายคาร์ล เพ่ย (Carl Pei) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Nothing กล่าวว่า “เทคโนโลยีทุกวันนี้เริ่มขาดความแปลกใหม่ สมาร์ตโฟนแต่ละเครื่องแทบจะไม่แตกต่างกันทั้งรูปลักษณ์ ฟังก์ชัน และประสบการณ์การใช้งาน นั่นคือเหตุผลที่ Nothing ใช้เวลาถึงสองปีเต็มในการมุ่งมั่นพัฒนา Phone (3) ให้กลายมาเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่ออกแบบมาเพื่อให้เทคโนโลยีกลับมามีความหมายกับคุณอีกครั้ง เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างโดดเด่น มอบอิสระในการเชื่อมต่อและสร้างสรรค์ในแบบของคุณ ไม่ใช่แค่การทำตามกระแส แต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยความตั้งใจ พร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันกับคอมมูนิตี้ของเรา”
สมาร์ตโฟนเรือธงตัวจริง ในแบบฉบับของ Nothing
Phone (3) มาพร้อมกับกล้องระดับมืออาชีพที่ออกแบบมาเพื่อให้เหล่าครีเอเตอร์เก็บครบทุกโมเมนต์ สร้างคอนเทนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา เก็บภาพมุมใกล้ โดยไม่สูญเสียรายละเอียดด้วย Optical Zoom ถ่ายภาพคมชัดแม้ในที่แสงน้อยด้วยเซนเซอร์หลักประสิทธิภาพเหนือกว่าที่มีขนาด 1/1.3 นิ้ว บันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 60fps ได้คมชัดและเสถียรจากทุกเลนส์ ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Optical เต็มรูปแบบ มาพร้อมพรีเซ็ต (Presets) ที่พัฒนาร่วมกับช่างภาพมือโปร ให้คุณสร้างสรรค์วิดีโอสไตล์ภาพยนตร์อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเรียนรู้ขั้นตอนที่ซับซ้อน
Phone (3) มาพร้อมกับ Glyph Matrix ที่มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ชาญฉลาดและแสดงออกถึงตัวตนได้มากกว่าที่เคย หน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ที่ด้านหลังตัวเครื่องนี้จะแสดงเฉพาะสิ่งสำคัญในเวลาที่เหมาะสม ช่วยลดการใช้เวลาบนหน้าจอลง ให้คุณได้โฟกัสกับสิ่งสำคัญมากขึ้น อีกหนึ่งไฮไลต์คือฟีเจอร์ Flip to Record เพียงคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ก็สามารถเริ่มถอดเสียงและสรุปบทสนทนาอัตโนมัติ ผ่าน Essential Space โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ
Phone (3) ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 8s Gen 4 รุ่นล่าสุด ยกระดับการประมวลผลภาพล้ำสมัย ทำให้ AI ทำงานเร็วขึ้น และเล่นเกมได้ลื่นไหลมากขึ้น รวมถึงมอบประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่น Phone (2) โดยมีแบตเตอรี่แบบซิลิคอน-คาร์บอนขนาด 5150mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานเกินหนึ่งวันเต็ม รองรับระบบ Fast Charge ทั้งแบบมีสาย 65W และไร้สาย 15W Phone (3) มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ใหญ่จุใจขนาด 6.67 นิ้ว, วัสดุระดับพรีเมียม และมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและการใช้งานได้ยาวนาน
ดีไซน์ที่ผสานรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Phone (3) ผสานรูปทรงเรขาคณิตอันโดดเด่นเข้ากับดีไซน์โมดูลาร์ที่ประณีต ด้วยแรงบันดาลจากสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เลย์เอาต์แบบสามคอลัมน์นี้ช่วยเสริมจังหวะและความสมดุลได้อย่างลงตัว ตัวเครื่องยังได้รับการปรับรูปทรงให้เป็นทรง R-angle เพื่อให้จับถนัดมือมากขึ้น ขณะที่ด้านหน้ามาพร้อมขอบจอบางเฉียบเพียง 1.87 มิลลิเมตรที่เท่ากันทุกด้าน ซึ่งบางลง 18% เมื่อเทียบกับ Phone (2) ล้อมรอบหน้าจอ AMOLED ที่คมชัดและมอบประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น
Glyph Matrix แสงที่ออกแบบมาเพื่อสื่อสาร
ไฮไลต์ของ Phone (3) คือ Glyph Matrix โฉมใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อลดเวลาการใช้หน้าจอ และทำให้การรับข้อมูลสำคัญกลายเป็นเรื่องง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันหรือเมื่อมีคนติดต่อเข้ามา ไปจนถึงการอัปเดตสถานะการทำงานต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณรับรู้ข้อมูลทุกอย่างได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเลื่อนดูหน้าจอ
Glyph Matrix ยังมาพร้อมกับ Glyph Toys ฟีเจอร์สนุก ๆ ที่รวบรวม Quick Tools และมินิเกมเอาไว้ด้านหลังตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Glyph Mirror, นาฬิกาดิจิทัล, นาฬิกาจับเวลา, สถานะแบตเตอรี่ และนาฬิกาที่แสดงตำแหน่งดวงอาทิตย์ (Solar Clock) รวมถึงมินิเกมต่าง ๆ อย่าง Spin the Bottle ทั้งหมดนี้สามารถเข้าถึงและควบคุมได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวที่ด้านหลังตัวเครื่อง นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถกำหนดไอคอนที่ปรับแต่งเฉพาะให้กับผู้ติดต่อแต่ละคน ซึ่งจะโชว์ขึ้นมาเป็น Avatar ในรูปแบบ Pixel เมื่อได้รับข้อความ
โดย Magic 8 Ball และ Leveler (เครื่องมือตรวจวัดระดับ) เป็นไอเดียที่ร่วมกันพัฒนากับคอมมูนิตี้ของ Nothing ซึ่ง Nothing ได้เปิดให้ใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ผ่านเว็บไซต์ https://nothing.community/ เพื่อเปิดพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ เตรียมพบกับฟีเจอร์ใหม่ Caller ID ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถดูหมายเลขหรือชื่อผู้ติดต่อได้ทันทีในขณะที่กำลังโทรศัพท์ เพียงกดค้างที่ปุ่ม Glyph Button ซึ่งจะเปิดให้ได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้
 
 
Nothing OS 3.5 ออกแบบมาเพื่อการโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญ ขับเคลื่อนด้วย AI
Nothing OS มอบประสบการณ์การใช้งานที่รวดเร็วและลื่นไหล ด้วยการออกแบบที่เน้นประโยชน์และลดสิ่งรบกวน ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการนำทางได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นธีมโมโนโครมที่ช่วยลดสิ่งรบกวนสายตา หรือลบชื่อแอปพลิเคชันออกเพื่อให้ดูสะอาดตายิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมี Widget ใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับหน้าจอล็อกและหน้าจอหลัก ในขณะที่วงการเทคโนโลยีกำลังเร่งนำ AI มาใช้กับระบบที่มีอยู่เดิม Nothing ออกแบบระบบที่ฝังเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้าไปตั้งแต่แรก เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เรียบง่ายขึ้น ฉลาดขึ้น และทำให้การใช้งานเป็นธรรชาติมากยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์เด่นของ Phone (3) พัฒนาเพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า
  • Essential Search – แถบค้นหาอัจฉริยะที่เรียกใช้ได้ง่ายเพียงปัดขึ้นจากหน้าจอหลัก ค้นหาได้ครบทั้งรายชื่อ รูปภาพ ไฟล์ พร้อมการตอบสนองแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นพยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมาย ไปจนถึงสถานที่ใกล้เคียง
  • Flip to Record – กดค้างที่ปุ่ม Essential Key แล้วคว่ำเครื่องลง เพื่อเริ่มถอดเสียงและสรุปเนื้อหาการประชุมโดยอัตโนมัติ
  • Essential Space – พื้นที่ศูนย์กลางสำหรับรวบรวมไอเดีย โน้ต และคอนเทนต์ทั้งหมดที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบด้วย AI เหมือนมีสมองที่สองคอยช่วยคุณ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 1 ใน 5 ที่ใช้ฟีเจอร์นี้เป็นประจำทุกสัปดาห์
ทั้งหมดนี้คือรากฐานของ OS ที่ปรับแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไลต์ของคุณโดยเฉพาะ มอบอิสระให้คุณสร้างสรรค์ เชื่อมต่อ และสำรวจทุกความเป็นไปได้ในสไตล์ของคุณ
Phone (3) มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 15 และ Nothing OS 3.5 โดยจะได้อัปเกรดเป็น Android 16 และ Nothing OS 4.0 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ทั้งนี้ Nothing รับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันหลักนาน 5 ปี และอัปเดตระบบความปลอดภัยนานถึง 7 ปี
หน้าจอสว่างขึ้น เร็วขึ้น สมจริงยิ่งขึ้น
Phone (3) มาพร้อมหน้าจอที่สว่างและคมชัดที่สุดของ Nothing กับหน้าจอ AMOLED แบบยืดหยุ่น ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดคมชัดระดับ 1.5K รองรับการใช้งานได้ทุกสภาพแสง ด้วยความสว่างสูงสุดถึง 4,500 นิต (HDR) และ 1,600 นิต (HMB) มาพร้อมกับ Ultra HDR เพื่อแสดงคอนเทนต์ได้สมจริง ด้วยไฮไลต์สีสันที่เด่นชัด และดำสนิทอย่างแท้จริง นอกจากนี้ อัตรารีเฟรชแบบปรับได้ที่ 30-120Hz และค่า touch sampling 1000Hz ทำให้ทุกการตอบสนองลื่นไหลอย่างฉับไว ขณะที่การหรี่แสงด้วย PWM ที่ 2160Hz ช่วยถนอมสายตาไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ส่วนดีไซน์ขอบจอที่บางเท่ากันทั้ง 4 ด้าน ช่วยเพิ่มสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92.89% เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานแบบให้มุมมองกว้างเต็มตาอย่างแท้จริง
ประสิทธิภาพที่สร้างมาเพื่อความรวดเร็วและความคิดสร้างสรรค์
สัมผัสพลังและความอัจฉริยะที่เหนือชั้นด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ® Mobile Platform ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงระดับ 4 นาโนเมตร พร้อมสถาปัตยกรรม CPU Qualcomm® Kryo™ ที่ได้รับการอัปเกรดเพื่อรองรับการทำงานประสิทธิภาพสูงและ GPU Qualcomm® Adreno™ สุดล้ำ ที่ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multitasking การประมวลผลภาพ และการแสดงผลกราฟิกได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับ Phone (2) พร้อมทั้งมีประสิทธิภาพการทำงานที่ก้าวกระโดดด้วย พลังการประมวลผล CPU เพิ่มขึ้น  36%, การอัปเกรด GPU เร็วขึ้นถึง 88%, ประสิทธิภาพการประมวลผลงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้น 60% และความสามารถในการจดจำภาพที่รวดเร็วขึ้น 125% เมื่อเทียบกับ Phone (2) ตั้งแต่การทำงานแบบ Multitasking ที่ลื่นไหล ไปจนถึงการเล่นเกมบนโทรศัพท์ได้แบบไม่มีสะดุด ชิปประมวลผลนี้พร้อมมอบประสบการณ์ที่รวดเร็ว ตอบสนองทันใจ และลื่นไหลทุกการใช้งาน
แบตเตอรี่และการชาร์จ พร้อมใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
Phone (3) มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงที่สุดของ Nothing ในตอนนี้ ด้วยเซลล์ซิลิคอน-คาร์บอนความหนาแน่นสูงขนาด 5150mAh ที่สามารถใช้งานได้นานเกิน 1 วันอย่างสบาย ๆ รองรับการชาร์จแบบมีสายที่รวดเร็ว 65W ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มภายใน 54 นาที และการชาร์จแบบไร้สาย 15W ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างง่ายดาย
ก้าวใหม่ของ Nothing
Phone (3) นับเป็นก้าวสำคัญของ Nothing ในแวดวงเทคโนโลยี ที่พลิกนิยามการออกแบบและการมอบประสบการณ์ใช้งาน ด้วยการยกระดับความเป็นเอกลักษณ์ ความสมดุล และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ท่ามกลางตลาดสมาร์ตโฟนที่แทบจะไม่มีความแตกต่าง Phone (3) นำความสนุกสนาน เอกลักษณ์เฉพาะตัว และจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนกลับมาอีกครั้ง พร้อมสะท้อนสิ่งที่ Nothing ยึดมั่นมาโดยตลอด ในการสนับสนุนให้ผู้คนกล้าสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก และเติบโตไปพร้อมกับคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก
Phone (3) มีให้เลือก 2 สีสุดคลาสสิกทั้ง Black และ White ความจุ 12 GB + 256 GB ในราคา 27,999 บาท และ ความจุ 16 GB + 512 GB ในราคา 30,999 บาท
Headphone (1)
‘Headphone (1)’ หูฟังแบบครอบหูรุ่นแรกจาก Nothing ที่ออกแบบและปรับแต่งเสียงร่วมกับ KEF ผู้นำนวัตกรรมด้านเสียงระดับตำนานสัญชาติอังกฤษ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ฟังที่สมจริง ด้วยเสียงคมชัด เคลียร์ใสในทุกมิติ มาพร้อมระบบควบคุมที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและตอบสนองได้อย่างแม่นยำ สะท้อนแนวคิด ‘เปิดกว้าง’ และ ‘โปร่งใส’ ผ่านทุกรายละเอียดของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Nothing Headphone (1) สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหูฟังครอบหู ด้วยการพัฒนาดีไซน์ที่ล้ำสมัยและฟังก์ชันที่โดดเด่น ทำให้ ‘เสียง’ กลายเป็นสิ่งที่สะท้อนสไตล์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ทั้งผู้ฟังระดับมือโปรที่ต้องการเก็บทุกรายละเอียดของเสียง (Audiophile) และผู้ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
คุณอดัม เบตส์ หัวหน้าทีมออกแบบบริษัท Nothing กล่าวว่า “Headphone (1) ไม่เพียงแต่มอบคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม แต่ยังมอบความรู้สึกที่แตกต่างตั้งแต่แรกสัมผัส เพราะในทุกองค์ประกอบล้วนผ่านการสร้างสรรค์อย่างประณีต ตั้งแต่ระบบควบคุม ไปจนถึงการออกแบบตัวเครื่องที่โปร่งใสเผยให้เห็นกลไกภายใน เพื่อเชื่อมให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสที่สุดของประสบการณ์เสียงในรูปแบบที่มีความหมายและสะท้อนตัวตนมากยิ่งขึ้น”
ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมไม่แพ้คุณภาพเสียง
Headphone (1) โดดเด่นด้วยดีไซน์โปร่งใสมองเห็นโครงสร้างภายใน และวัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมขึ้นรูป ชิ้นส่วนที่ผลิตด้วย CNC (Computer Numerical Control) ที่มีความแม่นยำสูง และวัสดุเมมโมรี่โฟมเคลือบ PU ที่ทั้งสวยงามและสวมใส่สบาย ตัวครอบหูน้ำหนักเบาทำจากอะลูมิเนียมและพลาสติกคุณภาพสูงเพื่อความแข็งแรงทนทาน ส่วนก้านหูฟังสามารถปรับระดับยืดหดได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ แผ่นรองหูเคลือบสารกันน้ำมันยังช่วยลดแรงกดทับบริเวณใบหู โอบรับทุกสรีระของศีรษะได้กระชับพอดี มอบสัมผัสที่แนบสนิทและสวมใส่สบายตลอดวัน เส้นสายและรูปทรงของหูฟังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อสะท้อนถึงความแม่นยำของระบบเสียงภายใน ทุกเส้นโค้ง รอยตัด และช่องว่าง ล้วนถูกสร้างขึ้นอย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อหลอมรวม “รูปทรง” และ “การใช้งาน” เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
Headphone (1) ฉีกแนวการใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัส ด้วยการเลือกใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัสจริง (Tactile controls) ผ่านปุ่มที่อยู่บนตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Roller, Paddle หรือ Button ผู้ใช้สามารถปรับระดับเสียง จัดการการเล่นเพลง หรือสลับโหมดตัดเสียงรบกวน (ANC) ได้อย่างแม่นยำ ฉับไว ลดความยุ่งยากหรือข้อผิดพลาดที่มักพบกับระบบจอสัมผัสทั่วไป การผสานระบบควบคุมเหล่านี้เข้ากับตัวหูฟังโดยตรง ช่วยยกระดับการใช้งานให้ตอบสนองรวดเร็ว ใช้งานง่าย และมอบประสบการณ์การฟังที่ลื่นไหลและน่าพึงพอใจยิ่งขึ้น
คุณภาพเสียงระดับพรีเมียมจากความร่วมมือกับ KEF
ครั้งแรกของความร่วมมือระหว่าง Nothing และ KEF ผู้บุกเบิกนวัตกรรมเสียงระดับ Hi-Fi ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 60 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเสียงขั้นสูงและเครื่องมือปรับจูนเฉพาะของ KEF ทำให้ Headphone (1) มาพร้อมกับ Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตร ที่ปรับแต่งเพื่อถ่ายทอดคุณภาพเสียงให้ออกมาเป็นธรรมชาติที่สุดในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสแน่นทรงพลัง มิดโทนคมชัด และเสียงแหลมใสเคลียร์เต็มอรรถรส ครอบคลุมทุกโหมดการใช้งานทั้งโหมดตัดเสียงรบกวน (ANC) โหมดรับเสียงจากภายนอก (Transparency) หรือโหมดเสียงรอบทิศทาง (Spatial Audio)
Headphone (1) สามารถเปลี่ยนเสียงสเตอริโอให้กลายเป็นประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง 360 องศา ด้วยการสร้างเสียงเชิงพื้นที่ (Spatialisation) บนตัวเครื่อง และฟีเจอร์ติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะ ปรับเสียงตามทุกท่วงท่าของการเคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์ ทั้งยังรองรับ Hi-Res Audio, LDAC (Lossless Digital Audio Codec) เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายคุณภาพสูง และยังมาพร้อมทางเลือกการเชื่อมต่อแบบมีสายผ่านพอร์ต USB-C แบบ Lossless และพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร เพื่อมอบคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมในทุกโหมดการใช้งาน เสริมด้วยระบบควบคุมแรงสั่นสะเทือน (Damping) และโครงสร้าง Driver แบบ High-Linearity Suspension ที่ลดแรงสั่นและความเพี้ยนของเสียงลง ให้ทุกโน้ตแม่นยำและมอบคุณภาพเสียงตรงตามที่ศิลปินตั้งใจรังสรรค์อย่างแท้จริง
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ขั้นสูง พร้อมคุณภาพเสียงสนทนาคมชัด
โหมด ANC มาพร้อมกับไมโครโฟนคู่แบบ Feedforward และ Feedback ช่วยปรับระดับการตัดเสียงรบกวนภายนอกได้แบบเรียลไทม์ ขณะเดียวกัน โหมด Transparency ช่วยให้ได้ยินเสียงรอบข้าง ด้วยความแข็งแกร่งของไมโครโฟน ENC (Environmental Noise Cancellation) 4 ตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งผ่านการฝึกฝนจากสถานการณ์เสียงรบกวนมาแล้วกว่า 28 ล้านรูปแบบ ทำให้มั่นใจได้ว่าเสียงพูดในการโทรจะคมชัด แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก
อึด ทน พร้อมใช้งานตลอดวัน
Headphone (1) สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 35 ชั่วโมง แม้จะเปิดโหมด ANC และการชาร์จเร่งด่วนเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้นานถึง 2.4 ชั่วโมง ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 พร้อมฟีเจอร์เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้ในเวลาเดียวกัน รองรับระบบ Fast Pair และการส่งสัญญาณเสียงที่มีค่าความหน่วงต่ำ ทำให้สามารถสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ
ประสบการณ์การฟังที่ปรับแต่งได้ตามใจ ด้วย AI และฟีเจอร์ Channel Hop
ด้วย Button ปุ่มอัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าได้ตามความต้องการผ่านแอปพลิเคชัน Nothing X ที่กดเพียงครั้งเดียวก็เปิดการใช้งานฟีเจอร์ Channel Hop สลับการเล่นเสียงระหว่างแอปพลิเคชันที่ใช้งานล่าสุดหรือเลือกฟังก์ชันที่ชื่นชอบได้ทันที โดยไม่ต้องค้นหาเมนูหรือสลับหน้าจอให้ยุ่งยาก ออกแบบมาเพื่อความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ตอบโจทย์การสลับไปมาระหว่างฟังเพลง เล่นพอดแคสต์ และจดบันทึกด้วยเสียง ไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการเดินทาง ทำงาน หรือออกกำลังกาย ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่า Button เพื่อเรียกใช้งานคำสั่งเสียง เปิดฟีเจอร์ News Reporter หรือเข้าถึง Essential Space ฟีเจอร์เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะอุปกรณ์ Nothing ซึ่งออกแบบมาพิเศษเพื่อจดบันทึกเสียง เตือนความจำ หรือจดไอเดียสำคัญได้ทันที โดยไม่หลุดโฟกัสจากสิ่งที่ทำอยู่ นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน Nothing X ยังมาพร้อมกับ Advanced EQ แบบ 8 แบนด์ ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งโปรไฟล์เสียงได้อย่างละเอียดในทุกย่านเสียง ไม่ใช่แค่เพิ่มหรือลดเสียงเบสหรือเสียงแหลมเท่านั้น เพื่อให้ได้เสียงที่ตรงกับสไตล์ของคุณมากที่สุด
Headphone (1) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ White ราคา 8,999 บาท
การวางจำหน่าย
สำหรับประเทศไทย ผู้ใช้งานจะมีโอกาสเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกของโลกที่ได้ครอบครอง Phone (3) และ Headphone (1) ก่อนใครกับ Limited Drop เปิดขายรอบพิเศษที่ Nothing Store (One Bangkok) และ Carnival (CentralWorld) ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการสั่งซื้อ Phone (3) รับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี พร้อมของสมนาคุณสุดพิเศษ Nothing Ear, Nothing Cap และ Nothing Tote Bag และสำหรับการสั่งซื้อ Headphone (1) รับของแถม Nothing Headphone Protective Cover ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดมีจำนวนจำกัด โดยจะให้สิทธิสำหรับผู้ที่ถึงก่อน ตามลำดับคิวการสั่งซื้อ
สำหรับการพรีออเดอร์ สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย Nothing ที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ รายละเอียดดังนี้
  • Phone (3) ความจุ 16 GB + 512 GB จะเริ่มเปิดให้สั่งพรีออเดอร์ พร้อมรับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี ซึ่งมีจำนวนจำกัด ตามลำดับการสั่งซื้อ ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ dotlife, Jaymart, Banana, Mocare, Powerbuy, Power Mall และ Pro Gadgets, ผู้บริการเครือข่าย AIS และช่องทางออนไลน์ LazadaShopee และ Alottech ซึ่งจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมเป็นต้นไป
  • Phone (3) ความจุ 12 GB + 256 GB จะเปิดขายเฉพาะวันที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมเป็นต้นไป
  • สำหรับการพรีออเดอร์ Headphone (1) จะได้รับ Nothing Headphone Protective Cover โดยสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ได้ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เช่นเดียวกัน ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ dotlife, Jaymart, Banana, Powerbuy และ Munkong และช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee ซึ่งจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมเป็นต้นไป
ไม่เพียงเท่านี้ Nothing ยกระดับประสบการณ์หลังการขาย ด้วยบริการสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง โทร 1800 018 320 รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมศูนย์บริการ 10 แห่ง และจุดรับส่งสินค้า (Drop-off locations) ใกล้บ้านคุณ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์บริการได้ที่ https://th.nothing.tech/pages/service-center ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดสเปกและฟีเจอร์ทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ https://my.nothing.tech/ และติดตามทุกความเคลื่อนไหวล่าสุดจาก Nothing ได้ทาง InstagramTikTok, และ X

Loading