เตรียมสัมผัสศักยภาพเหนือชั้นของโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วแรงที่สุดในโลกและโปรเซสเซอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ผ่านการผลิตที่ยั่งยืนมากที่สุดของอินเทล ได้แล้ววันนี้!
กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2566 — อินเทล ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้ผสานประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าเข้าไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ พร้อมนำเสนอ Intel®Arc™ จีพียูแบบใช้งานแยก นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 (โค้ดเนม Sapphire Rapids) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลาวด์ เครือข่ายและเอดจ์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ
โปรเซสเซอร์ตระกูล Intel® Core™เจนเนอเรชั่น 13
- โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล: อินเทลได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ตระกูล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป K-ซีรีส์ ที่งาน Thailand Game Show ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปที่เร็วแรงที่สุดในโลกในตอนนี้[i]อย่าง Intel®Core™ i9-13900K เจนเนอเรชั่น 13 โดยโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปตัวใหม่นี้ใช้พลังงานระดับ 35 วัตต์ และ 65 วัตต์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์พีซีทั่วไปมีทางเลือกในการประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงส่งมอบประสิทธิภาพที่น่าทึ่งสำหรับการเล่นเกม การสร้างสรรค์เนื้อหา และการทำงานทั่วไปได้อย่างลงตัว
- โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ H-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพเทคโนโลยีโมบายล์ชั้นนำในอุตสาหกรรม: อินเทลยังคงเดินหน้าก้าวข้ามขีดจำกัด พร้อมขยายขุมพลังประสิทธิภาพและศักยภาพแห่งการประมวลผลเพื่อเหล่าเกมเมอร์และนักสร้างสรรค์เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ H-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 รวมถึงโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่มีจำนวนคอร์ถึง 24 คอร์สำหรับการใช้งานกับแล็ปท็อป ซึ่งถือเป็นโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วแรงที่สุดในโลกในตอนนี้[ii]เมื่อผสานเข้ากับฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่างเครื่องมือรองรับหน่วยความจำ DDR4 และ DDR5 ฟังก์ชันการเชื่อมต่อที่เหนือชั้นและรองรับการใช้งาน PCIe Gen 5 จึงทำให้โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ HX เจนเนอเรชั่น 13 กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับโมบายล์เกมที่ดีที่สุดในโลกในตอนนี้[iii]ด้วยขุมพลังประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ที่ให้ความเร็วแรงมากกว่าเจนเนอเรชั่น 12 ถึง 5 เท่า ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้แล็ปท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ HX กว่า 60 รุ่น ในการสตรีม สร้างสรรค์ผลงาน หรือเล่นเกมได้เป็นอย่างดีและราบรื่นตามกำลังสูงสุด
- โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้แล็ปท็อปดีไซน์บาง-น้ำหนักเบา: อินเทลยังเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มองหาแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงพร้อมดีไซน์บางเฉียบให้สร้างสรรค์งานหรือเล่นเกมได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แล็ปท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™เจนเนอเรชั่น 13 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างหน่วยประมวลผลวิสัยทัศน์ Intel®Movidius vision processing unit (VPU) ซึ่งเป็นผลจากการประสานงานด้านวิศวกรรมร่วมกับบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในโหมด Window Studio Effects ใหม่ล่าสุด หน่วย VPU ใหม่นี้สามารถช่วยในการประมวลผลที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อการทำงานร่วมกันของระบบและการสตรีมระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ ทำให้หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) และหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก (Graphics Processing Unit: GPU) มีพื้นที่ว่างสำหรับเวิร์กโหลดอื่นๆ หรือการทำงานแบบมัลติทาสกิ้งอื่น ๆ
โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ใหม่ล่าสุดนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของแล็ปท็อปรุ่นใหม่ให้ทำงานได้ราบรื่นกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อปที่มีดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบาแต่ประสิทธิภาพสูง หรืออุปกรณ์ 2-in-1 แบบพับได้ และฟอร์มแฟคเตอร์อื่นๆ อีกมากมาย สำหรับ IoT edge นั้น โปรเซสเซอร์ Intel® Core™เจนเนอเรชั่น 13 มีฟีเจอร์รูปแบบใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ควบคุมอุณหภูมิของอุปกรณ์ให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานมากขึ้น และ CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมความสามารถด้านกราฟิกและประสิทธิภาพ AI ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีก การศึกษา การดูแลสุขภาพ การบินและอวกาศ อุตสาหกรรม และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยโปรเซสเซอร์ตัวใหม่นี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการผสานรวมเวิร์กโหลดที่ดีขึ้นด้วยคอร์และเธรดที่มากขึ้น ส่งผลให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเครื่องเดียว
แล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่ผสานพลัง Intel Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น และประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น
อินเทลยังคงเดินหน้าในการยกระดับมาตรฐานแล็ปท็อปและอุปกรณ์แบบพกพาอื่นๆ ตามมาตรฐานสัญลักษณ์ Intel®Evo™ ภายใต้ข้อกำหนดใหม่นี้ แล็ปท็อปมาตรฐาน Intel Evo ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™เจนเนอเรชั่น 13 จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นและราบรื่นไม่มีสะดุด: ได้รับการรับรองถึงประสิทธิภาพความรวดเร็วในการตอบสนองอย่างสม่ำเสมอแม้ในขณะที่ไม่ได้เสียบปลั๊ก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น รวมไปถึงการเปิดเครื่องแล้วใช้งานได้ทันที และการชาร์จเร็ว
- การทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด: ด้วยการยกระดับการประชุมทางวิดีโอ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เช่น Intel®Connectivity Performance Suite และ Intel® Bluetooth®LE Audio[iv]
- Intel® Unison™ที่พร้อมใช้งานบนแล็ปท็อป: เต็มอิ่มไปกับอิสระแห่งการทำงานบนหลากหลายอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ การคุยโทรศัพท์ การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ และการถ่ายโอนไฟล์จากพีซีไปยังโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานในระบบบนอุปกรณ์ Android หรือ iOS[v]
นางสาวฉันทนา สุวรรณวงษ์ ผู้อำนายการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel®Core™ เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศไทยในครั้งนี้ โดยโปรเซสเซอร์โมบายล์ใหม่ล่าสุดของอินเทลออกแบบมาเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ นักสร้างสรรค์เนื้อหา และเหล่าสาวกผู้ใช้อินเทลได้สัมผัสสุดยอดขุมพลังประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเหนือชั้นบนอุปกรณ์แล็ปท็อปทุกรุ่น ซึ่งนี่ถือเป็นการเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ครบทั้งตระกูลโปรเซสเซอร์ Intel®Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ในตลาดไทยด้วย”
กราฟิก Intel® Arc™ ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การเล่มเกมที่คุ้มค่ามากกว่าที่เคย
กราฟิกIntel®Arc™ แบบใช้งานแยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอินเทลในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่การแข่งขันในตลาดเกมมิ่งและนำเสนอกราฟิกการ์ดประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมราคาคุ้มค่าให้กับผู้ใช้โดยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาอินเทลได้เปิดตัวไดรเวอร์ใหม่จำนวน 8 ตัวเพื่อตอบสนองประสบการณ์การใช้งานกับเกมใหม่ ๆ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเกมที่พึ่งอัปเดตใหม่ในวันเปิดตัวมากกว่า 21 เกม ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วแรงไปอีกขั้นทำให้การเล่นเกมมีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความเสถียรระหว่างการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นด้วย
กราฟิกการ์ดIntel®Arc™ ทุก ๆ รุ่น ประกอบด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้
- Xe High Performance Graphics Microarchitecture: ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีกราฟิกIntel®Arc™ A-ซีรีส์สร้างขึ้นจากสถาปัตยกรรมไมโครXe High Performance Graphics ใหม่ของอินเทลซึ่งได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่อเหล่าเกมเมอร์และนักสร้างสรรค์เนื้อหาโดยเฉพาะ นอกจากนี้เทคโนโลยี Xe HPG ยังช่วยให้กราฟิก Intel®Arc™ สามารถส่งมอบประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยเปี่ยมด้วยศักยภาพที่เหนือกว่า และสามารถปรับขยายขนาดได้
- AI-enhanced XeSS upscaling: เทคโนโลยีการอัปสเกลที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AIของอินเทลอย่างXeSS ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้มากขึ้นไปอีกขั้น ยกตัวอย่างเช่น ให้คุณสามารถเล่นเกมที่ความละเอียด 4K แต่ยังคงประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับการเล่นเกมแบบเนทีฟที่ความละเอียด 1080p
- DirectX 12 Ultimateประกอบไปด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะช่วยยกระดับเกมสู่มิติใหม่แห่งความสมจริงด้วยเทคโนโลยีกราฟิกล่าสุดอย่างHardware Accelerated Ray Tracing, Variable Rate Shading, Mesh Shading และ Sampler Feedback
โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4
โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ใหม่ล่าสุด พร้อมส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานชั้นนำด้วยชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในตัวและให้ความเร็วสูงสุดเท่าที่ซีพียูเครื่องไหนในโลกเคยมีมาเพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหาสำคัญๆ ด้านการประมวลผลที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น AI, เครื่องมือวิเคราะห์, ระบบเครือข่าย, ความปลอดภัย, การจัดเก็บข้อมูล และระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (High Performance Computing: HPC) นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ยังเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ผ่านการผลิตที่ยั่งยืนมากที่สุดของอินเทล โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายเพื่อเสริมขุมพลังและประสิทธิภาพการทำงานขั้นสุดด้วยการใช้งานทรัพยากรของซีพียูอย่างคุ้มค่าเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน
โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 แตกต่างจากโปรเซสเซอร์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์อื่นๆ ในตลาดที่ลูกค้ากำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยได้ขยายไปสู่แนวทางและกลยุทธ์เพื่อรองรับเวิร์กโหลดเป็นหลักและออกแบบมาโดยคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้งานโดยเฉพาะ
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นกว่า 2.9 เท่า[vi]จากประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉลี่ยต่อวัตต์สำหรับเวิร์กโหลดเฉพาะเมื่อใช้ชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในอุปกรณ์ ประหยัดพลังงานมากถึง 70 วัตต์[vii] สำหรับซีพียูหนึ่งเครื่องที่ใช้โหมดพลังงานสูงสุดและแทบไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานลงเลยสำหรับเวิร์กโหลดเฉพาะ พร้อมช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership: TCO)[viii] ลงถึง 52-66%
- ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน: ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นจากชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาในโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ช่วยให้อินเทลสามารถประหยัดพลังงานในระดับแพลตฟอร์ม ลดความต้องการเร่งการประมวลผลเพิ่มเติม และช่วยให้ลูกค้าอินเทลบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
- เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI): โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 สามารถอนุมานข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ PyTorch ได้สูงถึง 10 เท่า[ix], [x]อีกทั้งยังส่งมอบศักยภาพการฝึกฝนการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ด้วยชิปเร่งความเร็วที่ติดตั้งมาอย่าง Intel® Advanced Matrix Extension (Intel®AMX) นอกจากนี้การส่งมอบชุดซอฟต์แวร์ AI ของอินเทลช่วยให้เหล่านักพัฒนาสามารถเลือกใช้เครื่องมือ AI ได้ตามความต้องการและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความเร็วเพื่อการพัฒนา AI ซึ่งชุดเครื่องมือ AI นี้สามารถพกพาและใช้งานแยกจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานหลัก การันตีประสิทธิภาพการใช้งานจากการทดสอบโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกและการเรียนรู้จากคอมพิวเตอร์ของ AI กว่า 400 รูปแบบตามยูสเคสการใช้งาน AI ทั่วไปในทุกเซกเมนต์ของตลาด
- เครือข่าย: โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 นำเสนอตระกูลโปรเซสเซอร์ที่ได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับการรองรับเวิร์กโหลดหลายประเภทที่มีประสิทธิภาพสูงบนเครือข่ายและเอดจ์ที่มีความหน่วงต่ำโดยโปรเซสเซอร์เหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนอนาคตที่ีซอฟแวร์จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่โทรคมนาคมและการค้าปลีก ไปจนถึงอุตสาหกรรมการผลิตและเมืองอัจฉริยะ นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ยังมอบความจุของเครือข่ายการเข้าถึงวิทยุแบบจำลองเสมือน (virtualized radio access network: vRAN) ได้ถึงสองเท่าโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์เป็นสองเท่าเพื่อตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพการทำงานที่สำคัญ การปรับขนาด และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- แพลตฟอร์ม Xeon มาพร้อมฟีเจอร์สุดหลากหลายและความปลอดภัยขั้นสูงสุด: โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4ใหม่นี้มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ล่าสุด อาทิ แบนด์วิธหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นด้วย DDR5, แบนด์วิธ I/O ที่เพิ่มขึ้นด้วย PCIe0 และการเชื่อมต่อระหว่าง Compute Express Link (CXL) 1.1 นอกจากนี้ อินเทลยังได้นำเสนอพอร์ตโฟลิโอการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เป็นความลับซึ่งครอบคลุมผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ซิลิคอนในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ อินเทลยังคงเป็นผู้นำด้านการให้บริการซิลิคอนเพียงรายเดียวที่นำเสนอการป้องกันความเป็นส่วนตัวผ่านการแยกแอปพลิเคชันในหน่วยความจำสำหรับการประมวลผลในดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย Intel® Software Guard Extensions (Intel® SGX) และที่สำคัญสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ของโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon®Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ช่วยให้อินเทลสามารถนำเสนอโปรเซสเซอร์ที่เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายด้านการใช้งานผ่านอุปกรณ์ตามเลข SKUs ราว 50 รายการ เพื่อยูสเคสการใช้งานหรือแอปพลิเคชันของลูกค้า
นอกจากนี้ อินเทลยังได้เปิดตัวโซลูชันของพันธมิตรในอุตสาหกรรมอย่าง Altos, Cisco, Dell, HPE และ Lenovo ที่นำโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ไปปรับใช้ด้วย
นายอยุชบาทรา (Ayush Batra) ผู้อำนวยการฝ่ายTechnology Enablement ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยให้เติบโตก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลให้แก่องค์กรธุรกิจในไทยด้วยผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่างโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon®Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ที่ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและศักยภาพการใช้งาน ไปจนถึงยกระดับความปลอดภัยและส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนให้แก่องค์กรธุรกิจสอดคล้องกับที่ประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนาการเปิดรับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อตอบรับปริมาณความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มมากขึ้นในตลาด”
การวางจำหน่าย
โปรเซสเซอร์โมบายล์และเดสก์ท็อป Intel® Core™เจนเนอเรชั่น13 และกราฟิก Intel®Arc™ A-ซีรีส์วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ
ส่วนโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่น 4 ก็มีวางจำหน่ายแก่ลูกค้าองค์กรธุรกิจในไทยแล้วเช่นกัน โดยสามารถสอบถามตัวแทนผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีและคลาวด์ได้แล้ววันนี้