รีวิว vivo X300 Pro ตัวเทพเรื่องกล้อง คมชัดทุกระยะเลนส์

เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของทางค่าย vivo นั้นคือ vivo X300 Series โดยมาทั้งหมดสองรุ่นด้วยกันคือ vivo X300 และ vivo X300 Pro โดยทั้งสองรุ่นยังชูจุดเด่นเรื่องการถ่ายภาพเช่นเคย และเป็นครั้งแรกในบ้านเราที่ทาง vivo ได้นำชุดเลนส์เสริมเข้ามาจำหน่ายพร้อมกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพได้มากยิ่งขึ้น โดยซีรี่ส์นี้มาพร้อมกับสโลแกน “แค่คลิก ซูมชิดติดเวที” และเป็นรุ่นแรกของทางค่ายที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด OriginOS 6 ตั้งแต่แกะกล่องกันเลยทีเดียว

SPEC vivo X300 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2800 × 1260 พิกเซล อัตรารีเฟซเรทสูงสุด 120Hz
  • ชิปประมวลผล CPU MediaTek Dimensity 9500
  • GPU ARM G1-Ultra
  • RAM LPDDR5X Ultra ขนาด 16GB
  • ROM UFS 4.1 ขนาด 512GB
  • ระบบปฏิบัติการ Android 16 ครอบทับด้วย OriginOS 6
  • กล้องหน้า ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เลนส์ ZEISS
  • กล้องหลัง ความละเอียด 50+50+200 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ ZEISS ทั้งสามเลนส์
  • wifi 7
  • Bluetooth 6 / NFC
  • USB-C 3.2
  • ลำโพงคู่สเตอริโอ
  • มาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 & IP69
  • แบตเตอรี่ 6510mAh รองรับชาร์จไว 90W / ชาร์จแบบไร้สาย 40W
  • ราคา 39,999 บาท วางจำหน่าย 3 สี ได้แก่ Dune Brown, Mist Blue, Phantom Black

อุปกรณ์ภายในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้

  1. ตัวเครื่อง vivo X300 Pro
  2. Adapter ขนาด 90W
  3. สาย USB-C
  4. เคสซิลิโคนสีเดียวกับตัวเครื่อง
  5. เข็มจิ้มถาดซิม
  6. คู่มือการใช้งาน

วัสดุและการออกแบบ

vivo X300 Pro มาพร้อมกับหน้าจอ ZEISS Master Color พาแนลจอแบบ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2800 × 1260 พิกเซล อัตรารีเฟซเรทสูงสุด 120Hz ความลึกของสีแบบ 10Bit หรือ 1.07 พันล้านสี รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ / Dolby Vision สามารถรับชม netflix แบบ HDR กันเลยทีเดียว ขอบเขตสีระดับ 100% DPI-P3 ค่าความสว่างทั่วหน้าจอ 2000nits, 2160Hz PWM Dimming ช่วยปกป้องดวงตา พร้อมกับฟังก์ชั่น Smart Eye Protection 2.0 ขณะเล่นเกม และ Night Eye Protection 3.0 สำหรับใช้งานในที่แสงน้อยและเวลากลางคืน

จากที่ใช้งานมาร่วมครึ่งเดือน หน้าจอแสดงผลได้สวยงามคมชัด สีสันสมจริงดูสบายตามาก และหน้าจอรองรับการสแกนลายนิ้วมือแบบ 3D Ultrasonic ที่มีความแม่นยำและปลอดภัยสูงสุด

ขอบหน้าจอมีความบางมากๆ บางเพียง 1.1 มม.ทั้งสี่ด้าน ช่วยให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง

โมดูลกล้องทรงกลมที่มีขนาดเล็กและบางลงจากรุ่นก่อนมาก

ตัวเครื่องดีไซส์แบบ Unibody 3D Glass ฝาหลังกระจก Coral Valvet Glass ผิวสัมผัสนุ่มมือ ช่วยลดสิ่งสกปรกและรอยนิ้วมือเกาะติด รุ่นนี้จะวางจำหน่ายทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Dune Brown, Mist Blue, Phantom Black สีที่ผมรีวิวอยู่ตอนนี้คือสีฟ้า Mist Blue

vivo X300 Pro มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอ พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C 3.2 รองรับการต่อจอนอกได้นะครับ

ปุ่มฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่ม Shortcut หรือปุ่มทางลัด สำหรับเข้าเมนูแบบด่วน เราสามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้

ขนาดตัวเครื่อง 161.98 x 75.48 x 7.99 มม. น้ำหนัก 226 กรัม ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่มีความบางมากที่สุด และให้แบตเตอรี่มามากถึง 6510mAh อีกด้วยครับ มาตราฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 และ IP69

ระบบปฏิบัติการ

vivo X300 Series มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OriginOS 6 (Android 16) ใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะกล่อง พร้อมกับ Origin Island มาด้วย สามารถปรับแต่งหน้าจอได้แบบอิสระ การทำงานสมูทขึ้น ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆมีเพิ่มมากขึ้น รองรับการเชื่อมต่อเพื่อโอนย้ายข้อมูลผ่านแล็บท็อปและ MAC ได้ง่ายขึ้น

ประสิทธิภาพการทำงาน

vivo X300 Pro มาพร้อมกับชิปประมวลผล CPU MediaTek Dimensity 9500 เทคโนโลยีการผลิตแบบ 3nm. / GPU ARM G1-Ultra เป็นชิปประมวลผลระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด เร็วแรงพร้อมใช้งานได้แบบรวดเร็วขึ้น จุดเด่นของชิปประมวลผลชุดนี้คือ NPU ที่ทำงานได้รวดเร็ว ช่วยประมวลผล AI ได้เร็วขึ้น

นอกจากชิปหลักแล้วทาง vivo X300 Pro ยังมาพร้อมกับชิปเซ็ตอีกสองตัวคือ VS1 สำหรับขั้นตอนจัดการคำสั่งเพื่อส่งให้ชิปประมวลผลหลัก และ V3+ เป็นชิปประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพและงานวิดีโอเป็นหลัก สรุปคือใน vivo X300 Pro ติดตั้งชิปประมวลผลมาทั้งหมด 3 ตัวด้วยกันครับ

หน่วยความจำ

  • RAM LPDDR5X Ultra ขนาด 16GB
  • ROM UFS 4.1 ขนาด 512GB

แบตเตอรี่ขนาด 6510mAh ใช้งานได้ตลอดวันสบายๆ รองรับชาร์จไว 90W / ชาร์จแบบไร้สาย 40W ภายในกล่องแถมที่ชาร์จไวมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน

เล่นเกมลื่นๆเลยครับรุ่นนี้ ปรับสุดยังเอาอยู่

กล้องถ่ายภาพ

กล้องหน้า ZEISS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ JN1 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.76” ค่ารูรับแสง f2.0 พร้อมระบบ AUTO Focus รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60fps

กล้องหน้าออโต้โฟกัส มี AI ปรับรูปใบหน้าและช่วยเกลี่ยผิวใบหน้าให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ รองรับการถ่ายเซลฟี่ 3 ระยะคือ 20มม. / 24มม. / 50มม. สามารถปรับโบเก้สไตล์ ZEISS ได้ 5 รูปแบบ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า vivo X300 Pro

 

กล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมกระจกเคลือบ ZEISS T-star Coating ช่วยลดการเกิดแสงโกสและแสงแฟร์

  • เลนส์หลัก ZEISS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
  • เลนส์ ZEISS Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
  • เลนส์ ZEISS APO Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ HPB ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4″ ค่ารูรับแสง f/2.67

โหมดการถ่ายภาพหลักๆจะมี Snapshot, Landscape & Night, Portrait, Photo, Video, Portrait Video, Pano, Ultra HD Document, Slo-mo, Stage, Time-lapse, Pro, Food รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 120fps / 8K 30fps และรองรับการถ่ายวิดีโอ Dolby Vision

สำหรับการถ่ายภาพโหมดบุคคล สามารถเลือกปรับพอร์ตเทรตโบเก้สไตล์ ZEISS Cine-Flare ได้ 7 รูปแบบ รองรับการถ่ายทั้งหมด 5 ระยะเลนส์คือ 24 มม. / 35 มม. / 50 มม. / 85 มม. และ 135 มม. สามารถปรับความสวยของใบหน้าได้ ปรับค่ารูรับแสงได้ ฉากหลังมีความเบลอที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคล

ตัวอย่างภาพจากโหมดปกติ ถือว่าถ่ายออกมาสวยมากทั้งแสงปกติและแสงน้อย

vivo X300 Pro สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์เสริม vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender ได้นะครับ และชุดกริ๊ปสำหรับถ่ายภาพ(จำหน่ายแยก) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพยิ่งขึ้นในโหมดเทเล

ตัวอย่างภาพถ่ายจากชุดเลนส์เสริม ภาพสวยคมชัดมากๆแม้ระยะที่ไกลมากขึ้น

โหมด AI Landscape Master มีให้เลือกปรับมากถึง 16 รูปแบบ

สรุป

สำหรับ vivo X300 Pro กับค่าตัวเปิดมาที่ 39,999 บาท แต่อัดสเปคมาให้ครบมากๆครับโดยเฉพาะเรื่องการถ่ายภาพ ภาพสวยคมชัดถูกใจมาก สกลิโทนของเลนส์ ZEISS คือสุดจริง ถ้าชอบการถ่ายภาพเป็นหลักขอแนะนำอย่ายิ่ง และรุ่นนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการซูมด้วยเลนส์เสริมกำลังขยาย 2.35 เท่า (vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender) ซูมได้ไกลยิ่งขึ้น แต่ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่มนะครับ แนะนำให้ควรมี

vivo X300 Pro ความจุ 16GB + 512GB ในราคา 39,999 บาท

พิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ vivo X300 Series ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568 รับทันที ของสมนาคุณพิเศษสามต่อ มูลค่ารวม 13,188 บาท เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานอย่างเต็มที่:

  • ต่อที่ 1: vivo Care รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี จำนวน 1 ครั้ง มูลค่า 10,999 บาท
  • ต่อที่ 2: ขาตั้งสมาร์ตโฟน มูลค่า 890 บาท
  • ต่อที่ 3: เคสตัวเครื่องพร้อมแม่เหล็ก มูลค่า 1,299 บาท

สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการขยายขีดจำกัดของพลังซูม เพื่อสัมผัสประสบการณ์ระดับ VIP ชุดเลนส์เสริมกำลังขยาย 2.35 เท่า (vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender) ซึ่งประกอบด้วยเคสสมาร์ตโฟนและเลนส์ซูม สำหรับรุ่น X300 Pro และ X300 พร้อมให้สายถ่ายระยะไกลได้เป็นเจ้าของแล้วในราคา 5,999 บาท

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://vivo.com/th/ และเฟซบุ๊ก vivo Thailand

Loading