เอไอเอสและไมโครซอฟท์ ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมAI ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ ปั้นคนทำงานสู่นวัตกร ด้วย Microsoft Power Platform มุ่งเป้ายกระดับทักษะบุคลากรเอไอเอสให้เติมศักยภาพ พร้อมก้าวสู่ Cognitive Tech-Co

กรุงเทพฯ 31มีนาคม 2566– ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยและเอไอเอส สนับสนุนการสร้างทักษะทางเทคโนโลยีให้กับพนักงานและส่งต่อแรงบันดาลใจในการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การทำงาน ผ่านMicrosoft Power Platform แพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนาระบบงานอัตโนมัติต่างๆโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเป็นจำนวนมาก(low code/ no code)นอกจากมอบโอกาสให้พนักงานที่เชี่ยวชาญในแต่ละสายงานได้ลงมือพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ กับทีมงานในแผนกเพื่อเสริมศักยภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพแล้วบุคลากรของเอไอเอสยังสามารถเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานในหลายส่วนให้เป็นระบบอัตโนมัติลดเวลาในการทำงานซ้ำซ้อน ลดความซับซ้อนของระบบงานและเพิ่มคุณค่าให้พนักงานได้ร่วมขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้านภายใต้ความร่วมมือนี้ เอไอเอสได้จัดโครงการAIS Cognitive Hack ขึ้นโดยมุ่งให้ความรู้ พัฒนาพนักงานให้สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ผ่านการแข่งขันที่ยกระดับความสามารถ พร้อมเร่งเครื่องให้บุคลากรก้าวสู่สังคมแห่ง“Citizen Developers”ที่ใครก็สร้างนวัตกรรมได้

ในโอกาสนี้ เอไอเอสได้ประกาศผลทีมผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันAIS Cognitive Hack ได้แก่ ทีม REN-NE จากผลงานการสร้าง แอป AI ด้วย Power Automate ให้ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงาน ส่วนทีมรองชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Go Future จากผลงานการสร้างแอปAI มาช่วยขั้นตอนตรวจสอบเอกสารควบคู่กับการฝึกสอนให้ AI เข้าใจลักษณะภาพของอุปกรณ์โครงข่ายบรอดแบรนด์ประจำที่ (fixed broadband) จึงช่วยลดเวลาในการทำงานเอกสารที่ซ้ำซ้อนกันได้ถึง 90%โดยที่การแข่งขันครั้งนี้มีพนักงานของเอไอเอสเข้าร่วมประลองไอเดียกว่า 1,000 คนเกิดเป็นผลงานและกรณีศึกษามากกว่า 500 ชิ้น

นายศุภชัย พานิชายุนนท์ รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เอไอเอส กล่าวว่า “ผมดีใจมากที่ได้เห็นพนักงานเอไอเอสจำนวนมากเข้าร่วมการแข่งขัน AIS Cognitive Hack ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการก้าวสู่การเป็น Cognitive Tech-Coด้วยการลงมือสร้างแอปและปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ ด้วยฝีมือของคนทำงานตัวจริง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย 2 ประการของเอไอเอส คือ เสริมขีดความสามารถของบุคลากรและมอบประสบการณ์บริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เพราะโครงการAIS Cognitive Hack เปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะเกี่ยวกับการใช้งาน Microsoft Power Platform เพื่อทำให้กระบวนการทำงานอัตโนมัติบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

สองทีมผู้ชนะจากโครงการ AIS Cognitive Hack

“การแข่งขัน AIS Cognitive Hack มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานเอไอเอสมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานยกระดับให้เป็น Cognitive Automation เพื่อเสริมทักษะพนักงานให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Automation และAI โดยเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนา Citizen Developer ในกลุ่มพนักงานที่เป็นผู้ปฏิบัติงานจริง เพื่อให้พนักงานได้สร้างเทคโนโลยีพัฒนาทักษะการทำงานและแก้ไขปัญหาในแต่ละขั้นตอนได้จริง การสนับสนุนพนักงานให้แก้ปัญหาต่าง ๆ สำเร็จด้วยตัวเองอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ ที่ไม่มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโปรแกรมให้กลายเป็นแนวร่วมและกล้าลุกขึ้นมาทำในแบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาองค์กรในแนวทางนี้ยังสอดคล้องกับการปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรด้านไอทีมีเวลาไปแก้ปัญหาที่ยุ่งยากและซับซ้อนขององค์กรมากขึ้นกว่าเดิม”

นายปวิช ใจชื่น รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกลุ่มธุรกิจพันธมิตร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “ไมโครซอฟท์และเอไอเอสได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในฐานะStrategic Partner โดยมีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนให้องค์กรและธุรกิจไทยได้เข้าถึงศักยภาพของคลาวด์และ AI อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นวัตกรรมอย่าง Power Platform ได้รับความไว้วางใจจากเอไอเอสให้เป็นฟันเฟืองสำคัญ ทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการส่งเสริมพัฒนาทักษะของพนักงานในทุกสายงานให้ยกระดับเป็นนวัตกรประจำองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยเครื่องมือแบบ low code / no code ซึ่งไม่เพียงเกิดประโยชน์ให้กับเอไอเอสเองเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเสริมสร้างศักยภาพเชิงดิจิทัลของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในปัจจุบันและอนาคต”

สมาชิกทีม REN-NE ผู้ชนะการแข่งขันในโครงการ AIS Cognitive Hack

REN-NE ทีมผู้ชนะการแข่งขันโครงการ AIS Cognitive Hackเจ้าของผลงานการนำAI มาช่วยให้บริษัทประหยัดค่าไฟโดยมีสมาชิกทั้งหมด 3 คน ได้แก่นายธนกร หอประเสริฐวงศ์ วิศวกรอาวุโส นายเชาวณัท สำกำปังวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ และนายพัชรพล สาสุขวิศวกรผู้เชี่ยวชาญซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลศูนย์ข้อมูลของเอไอเอสที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยตัวแทนของทีมกล่าวว่า “เรามองเห็นว่า ค่าใช้จ่ายของเอไอเอสที่มากเป็นอันดับหนึ่งคือค่าไฟถึง 40% เราจึงช่วยกันคิดค้นหาวิธีการลดต้นทุนค่าไฟลงจากเดิมให้ได้ 1-2% ด้วยการติดตั้งมิเตอร์แบบ TOU (Time of Use)ที่สถานีฐานกว่า 25,000แห่ง โดยใช้ AI มาช่วยคำนวณการใช้ไฟและความเสี่ยงในหลายๆปัจจัย เพื่อตัดสินใจว่าว่าสถานีฐานใดควรใช้แบตเตอรี่ที่สถานีฐานชาร์จไฟฟ้าเก็บไว้ในช่วงเวลากลางคืนหลัง 22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ค่าไฟมีราคาต่ำเพื่อนำมาใช้แทนไฟฟ้าในช่วงเวลาหลักซึ่งเป็นช่วงที่ค่าไฟมีราคาสูงแนวคิดนี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่เพียงลดค่าใช้จ่ายของบริษัทลง แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วยเราหวังว่าผลงานของทีมเราจะช่วยจุดประกายในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ด้วยแพลตฟอร์มการพัฒนาแบบLow-Code ของไมโครซอฟท์ ที่เปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโปรแกรมก้าวสู่การเป็น Citizen Developer ได้เช่นกัน”

สมาชิกทีม Go Future รองชนะเลิศการแข่งขันในโครงการ AIS Cognitive Hack

ขณะที่ Go Future ทีมรองชนะเลิศจากการแข่งขันซึ่งเป็นทีมวิศวกรด้านโครงข่ายบรอดแบรนด์ของเอไอเอส ประจำภาคกลาง ประกอบด้วยสมาชิก 3 คน ได้แก่นายภูมิ หอมจันทร์ วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ นางสาวสิริมา เที่ยงรอด วิศวกรอาวุโส (ฝ่ายวางแผนงาน)และ นายกฤตภาส ฉัตรเสถียรพงศ์ วิศวกรอาวุโส (ฝ่ายติดตั้งและบำรุงรักษา)เจ้าของผลงานการใช้ AI มาช่วยตัดสินใจในขั้นตอนตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับโครงข่ายบรอดแบรนด์ประจำที่(Fixed Broadband) ซึ่งช่วยลดเวลาในการทำงานซ้ำซ้อนลงอย่างมากโดยตัวแทนของทีมกล่าวว่า “ผลงานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการเข้าร่วมอบรมในโครงการ Cognitive Automation ของเอไอเอสที่ทำให้รู้ว่า AI สามารถช่วยอะไรเราได้บ้างในฐานะที่ทีมเราทำงานเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดูแลด้านบรอดแบนด์เราจึงตระหนักดีว่าการวางโครงข่ายนั้นมีความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้ามาก การทำงานจึงต้องแข่งกับเวลาเพื่อให้ลูกค้าของ AIS ใช้งานได้ไม่มีสะดุด เราจึงนำAI มาปรับใช้กับหน้าที่การงานที่ทำอยู่ ในการช่วยแก้ปัญหาขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร FBOQ (Final Bill of Quantity) ที่มีความซับซ้อน ใช้เวลาค่อนข้างนานและต้องใช้ความละเอียดรอบคอบอย่างมาก โดยเอกสารเหล่านี้จะมาจากคู่ค้าเราจึงเกิดความคิดในการนำ AI Object Detection มาช่วยในการตรวจสอบเอกสารเพื่อให้ขั้นตอนการทำงานมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นทำให้จากเดิมที่ใช้เวลาตรวจสอบเอกสารวันละ 6 ชั่วโมงเหลือเพียงไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้นส่งผลให้การทำงานของเอไอเอสกับคู่ค้าเป็นไปอย่างเรียบร้อยและแม่นยำขึ้น ทั้งหมดนี้นับเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของเอไอเอสเพิ่มความมั่นใจให้คู่ค้าที่ทำงานกับเรา”

Microsoft Power Platform เป็นแพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนาแอป เว็บไซต์ และเครื่องมือต่างๆ ในรูปแบบ Low-Code  ซึ่งใช้งานง่าย เปิดให้นำบริการ ข้อมูล และทรัพยากรต่างๆ ในองค์กรมาผสานกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ทุกคนในองค์กรสามารถสร้างโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์หรือค้นหาข้อมูลเชิงลึกจากหลากหลายแหล่ง การสร้างแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ความท้าทายทางธุรกิจโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเป็นจำนวนมากการช่วยตอบคำถามจากลูกค้าหรือพนักงานภายในองค์กรด้วยแชตบอทและยังรวมถึงการปรับปรุงระบบงาน ให้รวดเร็วและราบรื่นขึ้นด้วย Power Automate ที่จะช่วยให้งานในขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำ ๆ เป็นประจำกลายเป็นเรื่องอัตโนมัติอย่างง่ายดาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *