แคนนอนเปิดตัวเลนส์เพื่องานถ่ายภาพยนตร์ซีรี่ส์ใหม่เมาท์ RF “RF CINEMA LENS SERIES”ตอบโจทย์งานภาพระดับสูง ทั้งระดับ 4K และ 8K ด้วยประสิทธิภาพออปติกขั้นแอดวานซ์รวม 7 รุ่น

กรุงเทพฯ 18 กันยายน 2566 – แคนนอน (CANON)ประกาศเปิดตัวเลนส์ถ่ายภาพยนตร์ซีรี่ส์ใหม่RF CINEMA LENS SERIES”ที่ใช้เมาท์เลนส์RF รวม 7 รุ่นสำหรับกล้องในระบบ Cinema EOSโดยทุกรุ่นเป็นเลนส์ไพร์มที่มีความยาวโฟกัสคงที่ พร้อมรองรับการทำงานแบบแมนนวลเต็มรูปแบบ พร้อมวางจำหน่ายช่วงปลายเดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป

RF CINEMA LENS SERIES เป็นเลนส์สำหรับถ่ายภาพยนตร์ที่มาพร้อมเมาท์RF ที่รวมประสิทธิภาพระดับสูงสำหรับการถ่ายภาพระดับ 4K และ 8K รวมถึงงานโปรดักชั่นภาพยนตร์ และฟังก์ชันการส่งสัญญาณผ่านเมาต์RF ซึ่งการเปิดตัวเลนส์ซีรี่ส์นี้ทำให้แคนนอนสามารถขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์การถ่ายทำภาพยนตร์ที่ใช้กับเมาต์RF เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการถ่ายงานวิดีโอระดับมืออาชีพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ โทรทัศน์ และงานโฆษณาต่างๆ

เลนส์ CINEMARF ทั้ง 7 รุ่น (ระยะโฟกัส 14/20/24/35/50/85/135mm ตามลำดับ) รองรับการใช้งานร่วมกับกล้องถ่ายภาพยนตร์ ทั้งรุ่น EOS C70 (วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 2563)และรุ่น EOS R5 C[1](วางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2565) รองรับการทำงานโปรโตคอลการส่งสัญญาณผ่านเมาต์RF โดยสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า[2]ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมทั้งฟังก์ชันการขยายภาพ การแก้ความคลาดเคลื่อนของสี (chromatic aberration correction) การแก้ไขขอบภาพมืด(peripheral light correction) และDual Pixel Focus Guide ที่ช่วยให้การโฟกัสแบบแมนนวลสามารถทำได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นก็สามารถทำได้ผ่านตัวกล้องได้โดยตรงรวมถึงฟังก์ชันการแก้ไขภาพบิดเบี้ยว (distortion aberration correction) ก็มีให้ในเลนส์ซีรีส์ใหม่นี้เพื่อช่วยให้การโปรดักชั่นงานวิดีโอมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งไม่เพียงในขั้นตอนการถ่ายทำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขั้นตอนการตัดต่ออีกด้วย

เลนส์ซีรี่ส์ใหม่นี้มีประสิทธิภาพด้านออปติกขั้นสูงจึงเหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับกล้องระดับ 4K และ 8K เนื่องจากมีการออกแบบให้มีการวางตำแหน่งชิ้นเลนส์แอสเฟอริคัลที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ร่วมกับชิ้นเลนส์ anomalous dispersion glass ซึ่งเป็นชิ้นเลนส์พิเศษให้ทำงานร่วมกันได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดจึงทำให้เลนส์ซีรีส์นี้รองรับการใช้งานร่วมกับกล้องที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ อย่างเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม นอกจากนี้ยังมีค่า T(TValues[3])ที่สว่าง และมีม่านรูรับแสงแบบ 11 กลีบ จึงช่วยให้วัตถุมีระยะชัดตื้น ให้ภาพฉากหลังเบลอเป็นวงกลมอย่างเป็นธรรมชาติ และให้ภาพที่สวยงามนุ่มนวล นอกจากนี้ เนื่องจากเลนส์ทุกรุ่นได้รับการปรับจูนสีให้เท่ากันทั้งซีรีส์เพื่อให้การทำงานในขั้นตอนการปรับสีนั้นราบรื่น สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อต้องเปลี่ยนเลนส์ในขณะถ่ายทำฉากเดียวกัน

การออกแบบวงแหวนของเลนส์ซีรีส์ใหม่นี้ มีการออกแบบให้หมุนอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีความแม่นยำและราบรื่นซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการถ่ายทำภาพยนตร์ นอกจากนี้ ด้วยการออกแบบเลนส์ให้เหมือนกันทั้งซีรีส์ รวมถึงตำแหน่งเกียร์ของวงแหวนควบคุมการทำงาน เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ และมุมการหมุนของเลนส์ (มุมในการทำงาน) ทำให้ไม่จำเป็นต้องปรับตำแหน่งเมาท์ของแมตบ็อกซ์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นที่ช่วยในการโฟกัส เมื่อต้องเปลี่ยนเลนส์ อีกทั้งลายของพื้นผิวใกล้กับเมาท์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ยังช่วยให้กระชับมือมากขึ้นจึงถือเลนส์ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องจับวงแหวนควบคุมในระว่างการใส่และถอดเปลี่ยนเลนส์

การวางจำหน่าย

รุ่นสินค้า การวางจำหน่าย
CN-R14mm T3.1 L F ปลายกุมภาพันธ์ 2567
CN-R20mm T1.5 L F ปลายมีนาคม 2567
CN-R24mm T1.5 L F ปลายมกราคม 2567
CN-R35mm T1.5 L F ปลายมกราคม 2567
CN-R50mm T1.3 L F ปลายมกราคม2567
CN-R85mm T1.3 L F ปลายมกราคม2567
CN-R135mm T2.2 L F ปลายเมษายน 2024
[1]รับประกันความสามารถการทำงานในโหมดวิดีโอ เมื่อใช้ร่วมกับกล้องรุ่น EOS R5 C
[2]เลนส์ไพร์มซีรีส์เมาท์EF
[3]ความสว่างของเลนส์ซีเนม่าโดยทั่วไปจะแสดงด้วยค่าT(T value) ซึ่งได้จากค่าการสะท้อนแสงการผ่านกระจกเพิ่มเติมจากค่า F

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *