AIS ขานรับนโยบาย กสทช. ลดผลกระทบประชาชนจากแก๊งมิจฉาชีพ เร่งแจ้งเตือน พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าที่ถือตั้งแต่6 เบอร์ขึ้นไปยืนยันตัวตนได้ทั่วประเทศ

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AISกล่าวว่า “ปัญหาการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามที่สร้างความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง เราเองมีความห่วงใยลูกค้าและประชาชนในประเด็นนี้อย่างยิ่งที่ผ่านมาจึงมุ่งมั่นสื่อสาร สร้างองค์ความรู้ด้านทักษะดิจิทัลในการรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ ทั้งฝ่ายความมั่นคง อย่างตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดีอี และ กสทช. เพื่อดูแล ปกป้อง ความปลอดภัยของลูกค้าและประชาชนภายใต้ โครงการ AIS อุ่นใจไซเบอร์ ในหลากหลายรูปแบบ”

  ล่าสุดจากนโยบายของ กสทช. ในการปราบปรามการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ที่ได้ประกาศหลักเกณฑ์การยืนยันตัวตนและข้อมูลการใช้บริการ สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ถือครองเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งระบบรายเดือนและเติมเงินจำนวนตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ ที่จะนำหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปกระทำความผิดซึ่ง AIS พร้อมอำนวยความสะดวกลูกค้าจากนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่โดยจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งเตือนไปยังหมายเลขที่เข้าข่ายต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ในวันอังคารที่ 16 มกราคม 2567ด้วย Sender “AIS” (ไม่มี link แนบ)ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาสิทธิและป้องกันการถูกระงับใช้งานชั่วคราวลูกค้าสามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ภายในเวลาที่กำหนด ผ่านAIS Shop, AIS Telewiz  และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่าน2 ช่องทาง 1. กด*161*2*เลขบัตรประชาชน# โทรออก ฟรี (รอรับ SMS ทำตามขั้นตอน)2. ผ่านแอปmyAIS(สำหรับลูกค้าระบบเติมเงิน)

              ส่วนกรอบเวลาที่ลูกค้าสามารถดำเนินการยืนยันตัวตน มี 2 ช่วง คือ

  1. จำนวนหมายเลขที่ถือครองตั้งแต่ 6 –100 เลขหมาย ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งทาง SMS
  2. จำนวนหมายเลขที่ถือครองตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งทาง SMS

สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นการปกป้องความปลอดภัยจากการถูกมิจฉาชีพลักลอบนำเบอร์ไปใช้ บริษัทฯจะดำเนินการระงับการใช้งานชั่วคราว โดยจะยังคงรับสายและใช้เน็ตเข้า AIS Websiteและ แอป myAISได้ แต่ไม่สามารถโทรออกได้ (ยังคงโทรหมายเลข Emergency และ AIS Call Center ได้) โดยลูกค้าสามารถมายืนยันตัวตนเพื่อเปิดการใช้งานได้ผ่านช่องทางข้างต้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/public-relations/identity-verification-policy-for-user-registration

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *