AIS ก้าวล้ำไปอีกขั้น นำร่องรายแรกในอาเซียน มอบประสบการณ์เครือข่ายอัจฉริยะ 5G+ ให้คนไทยได้สัมผัสแล้ววันนี้ ด้วยเทคโนโลยี 5G 3CC (3 Component Carrier Aggregation) ผสานการทำงาน 3 คลื่นความถี่ 5G ได้แก่ 2600 MHz, 2100 MHz และ 700 MHz เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพิ่มความเร็วเฉลี่ยในการใช้งานมากกว่า 16% และรองรับปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 23% โดยเริ่มเปิดให้บริการในย่านสาทร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งาน 5G หนาแน่นที่สุดของกรุงเทพฯ และมีแผนขยายครอบคลุมพื้นที่ที่มีความต้องการสูงทั่วประเทศต่อไป
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า “AIS ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ให้ก้าวล้ำอยู่เสมอ เดินหน้าเสริมศักยภาพเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงเวลา วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเปิดตัว 5G+ ด้วยเทคโนโลยี 5G 3CC ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนที่รองรับสามารถเชื่อมต่อกับหลายคลื่นความถี่ได้พร้อมกัน ทำให้ผู้ใช้งานสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งความเร็ว แรง และเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่ย่านสีลม และสาทร เป็นจุดแรก เนื่องจากพบว่าเป็นย่านที่มีการใช้งาน 5G สูง ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป”
โดย AIS ได้ทำงานร่วมมือกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เทคโนโลยี 5G+ เข้าถึงผู้ใช้งานได้จริง ด้วยการทดสอบและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รองรับการทำงานแบบ 3CC ทำให้ปัจจุบันมีอุปกรณ์รวมกว่า 600,000 เครื่องที่ได้รับการอัปเดตให้รองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ได้แก่ Samsung: Galaxy S24 / S24 FE / S24+ / S24 Ultra, Galaxy S25 / S25 Ultra / S25+, Z Flip6 / Z Fold6 และยังมีสมาร์ทโฟนรุ่นที่สามารถแสดงสัญลักษณ์ “5G+” บนหน้าจอทันทีเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย AIS ได้แก่ Honor: 400 Pro, Magic 7 Pro iQOO: 13, Neo 10, Z10 5G OPPO: Find N5, X8, X8 Pro, Reno 13 Series Realme: GT 7T และ vivo: V40 5G, V50
พร้อมกันนี้ AIS ยังเดินหน้าขยายการให้บริการเครือข่าย 5G แบบ SA (Standalone) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นโครงข่าย 5G ที่ไม่รวมกับการใช้งาน 4G ทำให้สามารถลดความหน่วง (Latency) ได้อย่างชัดเจน และเพิ่มความเร็วและความเสถียรของสัญญาณ อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัยในอนาคต เช่น AI, AR/VR, Cloud Gaming, ยานยนต์ไร้คนขับ และ Network Slicing สำหรับแยกส่วนเครือข่ายเฉพาะทาง ซึ่งไม่สามารถทำได้บนโครงข่าย NSA (Non-Standalone)
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เปิดให้บริการควบคู่กัน คือ VoNR (Voice over New Radio) หรือการโทรด้วยเสียงผ่านเครือข่าย 5G โดยตรง ซึ่งช่วยให้เสียงสนทนาคมชัดระดับ HD โทรติดเร็วขึ้น และใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพร้อมกันได้อย่างไม่มีสะดุด AIS ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกในประเทศไทยที่เปิดใช้ VoNR อย่างสมบูรณ์บนโครงข่าย 5G SA ซึ่งนอกจากจะยกระดับคุณภาพเสียงและความต่อเนื่องในการใช้งานแล้ว ยังโดดเด่นด้วยความสามารถ Dual SIM Dual Active (DSDA) ที่ทำให้สมาร์ทโฟน 2 ซิมสามารถใช้งานดาต้าจากซิมหนึ่งและรับสายจากอีกซิมได้พร้อมกันโดยไม่มีสะดุด
“การเปิดตัว AIS 5G+ พร้อมทั้งการขยายเครือข่าย 5G SA และบริการ VoNR ในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของ AIS ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่มุ่งยกระดับโครงข่ายสู่มาตรฐานใหม่ของประเทศ พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารที่รวดเร็ว ทรงพลัง และครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งาน ด้วยแนวคิด “ทุกจุดที่มีคนใช้งาน ต้องมีสัญญาณคุณภาพให้บริการ” โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุม ให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าในทุกมิติ” นายวสิษฐ์ กล่าวสรุป