หนึ่งในภารกิจสำคัญของ AIS เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co คือการมุ่งพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยและเสริมศักยภาพของภาคธุรกิจ ผ่านการสร้าง Ecosystem ด้านนวัตกรรมโดยเฉพาะในแกนด้านStartup ซึ่งวันนี้AIS มีจุดยืนอย่างชัดเจนที่พร้อมสนับสนุนและทำงานร่วมกันกับผู้ประกอบการ Startup อย่างรอบด้านด้วยแนวคิดPartnership forInclusive Growth เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
ล่าสุดได้พาStartup ไทย สาย ESG ทั้ง Muvmiและ GEPP Sa-Ardเป็นตัวแทนจากโครงการ AIS The StartUpเข้าร่วมโชว์ศักยภาพบนเวทีระดับโลกSingtel Group Future Makerซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่4 โดยมีStartup จำนวน 9 ราย จาก 6 ประเทศ ในเครือ Singtel ได้แก่ AIS ประเทศไทย, Airtel อินเดีย, Globeฟิลิปปินส์, Optusออสเตรเลีย และ Singtel จากประเทศสิงคโปร์เข้าร่วมสำหรับการจัดงานSingtel Group Future Maker ในปีนี้ยังคงมองหา Startup ที่มีศักยภาพในการเติบโตและตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจแบบ ESGและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือSDGs ซึ่งGEPP Sa-Ardโชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจที่สร้างValue การเติบโตของธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคว้ารางวัลระดับ Gold พร้อมรางวัลพิเศษได้รับเงินทุนในการพัฒนาโปรเจคเพื่อทดลองตลาดร่วมกันกับ StartUp จากประเทศออสเตรเลียอย่าง Charopyเพื่อการสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต
ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้านเอไอเอส สตาร์ทอัพ กล่าวว่า “เพื่อให้การทำงานของ AIS TheStartUpเป็นไปตามเป้าหมายPartnership forInclusive Growthเราได้พา 2 Startup อย่างMuvmiแพลตฟอร์ม Eco-Mobility ที่ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าปลอดมลพิษ และ GEPP Sa-Ardแพลตฟอร์มสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขยะที่เป็นไปตามมาตรฐานGRI (Global Reporting Initiative) เพื่อช่วยบริหารจัดการข้อมูลขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าร่วมโครงการSingtel Group Future Maker เวทีระดับโลกที่จะเชื่อมต่อโอกาสให้ Startup ก้าวสู่การเติบโตในธุรกิจ จากการใช้ศักยภาพของ AIS และกลุ่ม Singtel ทั้งในเรื่องDigital Infrastructureที่มีความพร้อมและแข็งแรงมากที่สุด เครื่องมือด้านดิจิทัลโซลูชัน องค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ หรือแม้แต่การขยายตลาดจากการเข้าถึงฐานลูกค้ากว่า 770 ล้านคนรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจและกลุ่มนักลงทุน
นอกเหนือจากการพา 2Startup ไทย เข้าร่วมงานระดับโลกอย่าง Singtel Group Future Makers แล้ว เรายังเปิดประสบการณ์ผ่านกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟในการเข้าดูงานด้านนวัตกรรมและร่วมพูดคุยกับพาร์ทเนอร์จาก Singtel ที่จะเป็นการสร้างเครือข่ายการทำงานเพื่อร่วมกันเติมเต็ม Ecosystem ของวงการ Startup ไทยให้ก้าวไปอีกขั้น และมากไปกว่านั้นเรายังต่อยอดโอกาสให้ Startup ได้เข้าร่วมงาน Singapore Week of Innovation and Technology (SWITCH) ที่จัดโดยรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งมีสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIAและ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depaเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมงานดังกล่าว โดย NIA ได้คัดเลือกให้ Muvmiและ GEPP Sa-Ardร่วมออกบูธในThai Pavilions ถือเป็นอีกหนึ่งประตูบานสำคัญที่ช่วยสร้างโอกาสในการพบกับกลุ่มนักลงทุนจากทั่วโลก
สำหรับแนวคิดการจัดงานในปีนี้ยังคงเน้นย้ำเรื่องESG Business ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ SDGsซึ่งในปีนี้ GEPP Sa-Ardสามารถนำเสนอผลงานที่ชี้ให้เห็นถึงการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาสร้างการเติบโตผ่านการวาง Business Model ที่แข็งแรง ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาด้านการจัดการขยะ และยังใช้แนวคิดที่สร้าง Positive Impact ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
นายแอนดรู บอย รองประธานด้านความยั่งยืนกลุ่มบริษัทสิงเทล กล่าว่า “Singtel Group Future Makersเป็นหนึ่งในโครงการที่มุ่งพัฒนากลุ่มStartup โดยนำขีดความสามารถของดิจิทัลเทคโนโลยีมาสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การสร้างความเท่าเทียมด้านเศรษฐกิจสังคม หรือแม้แต่ประเด็นด้านสาธารณสุข ในปีนี้ผู้ชนะจากโครงการSingtel Group Future Makerได้แสดงให้เห็นถึงการใช้ศักยภาพของโครงข่าย 5G AI และ IoT ที่สามารถพัฒนาออกมาเป็นโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สนับสนุนพวกเขาด้วยพลังเครือข่ายของกลุ่มสิงเทล ทั้งความเชี่ยวชาญ รวมถึงทรัพยากรต่างๆ ที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถเติบโต และส่งมอบนวัตกรรมนี้ไปยังกลุ่มตลาดใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มบริษัทสิงเทลที่ต้องการสร้างโอกาสและพลังให้คนทุกกลุ่ม เราจะเดินหน้าสนับสนุนการทำงานเพื่อให้กลุ่มStartup ส่งต่อประโยชน์ไปยังผู้คนและสังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป”
นางสาวมยุรี อรุณวรานนท์ CEO และผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร GEPPกล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าร่วม โครงการ Singtel Group Future Makers เพราะไม่เพียงแต่การได้รับโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการส่งต่อความเชื่อของพวกเราที่ว่า องค์กรภาคธุรกิจคือจุดเริ่มต้นที่มีส่วนสำคัญ ในการทำให้ผู้บริโภค และ ประชาชนเข้าใจถึงเรื่องของการบริหารจัดการขยะ ทำให้ GEPP Sa-Ardถูกพัฒนาขึ้นเป็น Waste Management Platform ที่ประกอบไปด้วย Data Analytics System ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ขายขยะ กับผู้รับซื้อขยะเพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการจัดการและรีไซเคิลได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ไปจนถึงการจัดเก็บและการติดตามปลายทางของขยะ และสามารถสร้างรายงานตาม Global Reporting Initiative (GRI) ที่ทุกคนสามารถเข้ามาดูได้ถึงการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ”
นายศุภพงษ์กิติวัฒนศักดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาธุรกิจ MuvMiกล่าวว่า “ขอขอบคุณโครงการ AIS The StartUpที่มองเห็นถึงความตั้งใจของพวกเราในการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาช่วยแก้ไขปัญหาการเดินทางของผู้คน MuvMiดำเนินธุรกิจภายใต้ Ride Sharing ที่ไม่ได้มองเพียงแค่ความสามารถของระบบบริหารจัดการเส้นทางที่ตอบโจทย์ผู้คนในย่านต่างๆ แต่เรายังมองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการใช้รถบนท้องถนน โดยเราทำงานร่วมกับ AIS มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การผลักดันบริการรถตุ๊กตุ๊กแบบ EV ให้บริการรับ ส่งผู้โดยสารตามแนวรถไฟฟ้าในย่านต่างๆ ทั่วกรุงเทพ ทำให้วันนี้ MuvMiมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MuvMiกว่า 5.4 แสนครั้ง ให้บริการผู้โดยสารมาแล้วกว่า 7 ล้านคนและการเข้าร่วมโครงการ Singtel Group Future Makers ในครั้งนี้ ทำให้ได้รับประสบการณ์และมุมมองที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้เราสามารถส่งต่อความตั้งใจในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมต่อไป”
ดร.ศรีหทัยกล่าวต่อไปอีกว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา AIS เชื่อมั่นเสมอว่า Startup คือ อีกหนึ่งหัวใจหลักในการใช้นวัตกรรมเข้ามาแก้ปัญหาที่อาจถูกมองข้าม และสามารถสร้างเป็น Business Model ที่ตอบโจทย์ Stakeholderทุกกลุ่ม ทั้งหมดเกิดจาก Passion ของกลุ่ม Startup ทั้งสิ้น โดยนอกเหนือจากจะตอบโจทย์แก้ปัญหาให้แก่ลูกค้าได้แล้ว ยังเท่ากับได้สร้างธุรกิจใหม่ๆที่สามารถสร้าง Impact ให้แก่เศรษฐกิจดิจิทัลอีกด้วย และแน่นอนว่า AIS ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการStartupอย่างต่อเนื่อง
นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้มองความสำเร็จของนวัตกรรมผ่านมิติของการให้เงินทุนสนับสนุนเท่านั้น แต่เรายังเป็นเพื่อนคู่คิดในการดำเนินธุรกิจ AIS และกลุ่ม Singtel จึงมีความตั้งใจอย่างมากในการใช้องคาพยพทั้งหมดที่มีมาสนับสนุนการเติบโตช่วยบ่มเพาะ วางรากฐานด้านธุรกิจให้มี Foundation ที่แข็งแรงสร้างโอกาสใหม่ๆ พร้อมให้พื้นที่ได้แสดงขีดความสามารถเพราะเหล่านี้คือ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง”ดร.ศรีหทัยกล่าวทิ้งท้าย