AIS ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2566 ยังคงความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการโดยมีรายได้รวม อยู่ที่46,712ล้านบาท เติบโต 3.2%รวมถึงสามารถทำกำไรสุทธิที่ 6,757ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยังคงวางงบลงทุนกว่า 27,000-30,000 ล้านบาท ในการพัฒนาคุณภาพบริการและโครงข่ายสื่อสารอัจฉริยะ5G เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้าและคนไทยนอกจากนี้ยังเดินหน้านำศักยภาพความแข็งแกร่งของธุรกิจในทุกมิติมาร่วมกันสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ ECOSYSTEM ECONOMYภายใต้การขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ รองรับโอกาสและการเติบโตของกลุ่มธุรกิจในอนาคต
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AISกล่าวว่า“จากความมุ่งมั่นตั้งใจของAIS ในการมุ่งพัฒนา Digital Infrastructureผ่านการยกระดับศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะให้มีความพร้อมต่อการทำงานเพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานให้กับลูกค้าและคนไทย ประกอบกับปัญหาเงินเฟ้อก็เริ่มคลี่คลายเราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาของกำลังซื้อของผู้บริโภค และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภาพรวม โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศถึง6.5 ล้านคน ในขณะที่ผู้คนในประเทศก็เริ่มออกมาเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ”
“ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ AIS สามารถทำผลงานออกมาได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ สะท้อนถึงเป้าหมายการทำงานที่ไม่เพียงมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้กับคนไทย แต่ยังสร้างโอกาสการเติบโตในรูปแบบใหม่ๆ ให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ ECOSYSTEM ECONOMY ภายใต้แนวทางหลักที่ยังคงเน้นย้ำถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอัจฉริยะ ทั้งโครงข่าย 5G และเน็ตบ้านเชื่อมต่อธุรกิจข้ามอุตสาหกรรมตั้งแต่พาร์ทเนอร์ระดับท้องถิ่นไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก”
ผลประกอบการในไตรมาส 1/2566แสดงรายได้รวม อยู่ที่ 46,712 ล้านบาท เติบโต 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่6,757 ล้านบาท แสดงถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมกับการเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและส่งมอบคุณภาพและความครอบคลุมของโครงข่าย 5G และ เน็ตบ้าน อย่างต่อเนื่องนอกจากนั้น ความสามารถในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถส่งมอบEBITDA อยู่ที่ 22,636ล้านบาท เติบโต 1.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคงระดับความสามารถในการทำกำไร EBITDA margin ที่แข็งแกร่งที่48.5%โดยมีผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจดังนี้
- ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีรายได้จากการให้บริการเติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมที่ 46.1 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 108,000 ราย ในขณะที่มีผู้ใช้งาน 5G อยู่ที่กว่า 7.2 ล้านราย เติบโตขึ้นจาก 2.8 ล้านราย ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา โดย AIS สามารถให้บริการ 5G ครอบคลุมถึง87% ของพื้นที่ประชากรไทย ควบคู่ไปกับการขยายขีดความสามารถเพื่อให้รองรับกับปริมาณการใช้งานของลูกค้าและคนไทย
- ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีรายได้เติบโตกว่า 11% จากไตรมาส 1 ปีก่อน และเติบโตต่อเนื่อง 3% จากไตรมาสก่อน โดยมีการขยายพื้นที่การให้บริการอย่างต่อเนื่องด้วยคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการที่เหนือกว่าภายใต้เป้าหมาย Digital Experience for Thais กับการทำงานที่มุ่งตอบโจทย์ทุกพฤติกรรมของลูกค้า ด้วยบริการที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในบ้านได้อย่างครบถ้วนอย่างความพร้อมในการให้บริการ WiFi 6E เทคโนโลยีมาตรฐานสัญญาณไร้สายใหม่บนคลื่นความถี่ใหม่ 6GHz เป็นรายแรกของอุตสาหกรรมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในเมืองไทย หรือแม้แต่การสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยเทคโนโลยีสายไฟเบอร์ออฟติกโปร่งใส (Transparent Fiber Optic) เชื่อมโยงอุปกรณ์กระจายสัญญาณและสร้างโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ Gigabit ทุกห้องภายในบ้านบนโครงข่ายเดียวกันเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดทุกพื้นที่ในบ้านทำให้AIS Fibre มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 99,000 รายต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และมีฐานลูกค้ารวมกว่า 2.3 ล้านราย
- ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและธุรกิจอื่นโดย AIS Business ทำรายได้เติบโต 2% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และยังคงเป็นส่วนงานที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม องค์กรธุรกิจและ SME ไทยให้ เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกันมุ่งนำขีดความสามารถของโครงข่ายมาเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจอาทิ AIS PARAGON(Next Generation Orchestration Platform) ที่จะเป็นเสมือน 5G One Stop Platform ที่ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมบริหารจัดการทรัพยากรผ่าน Cloud และ Edge Computing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่อย่างGreen Data Center
นายสมชัย กล่าวในช่วงท้ายว่า “ในปีนี้ AIS ยังลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยงบประมาณ 27,000-30,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับโครงข่ายและการให้บริการสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะด้วยการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วนอย่างสอดประสานกันโดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาสร้างการเติบโตร่วมกันให้กับลูกค้า คนไทย และประเทศชาติ จนเกิดเป็น ECOSYSTEM ECONOMY ซึ่งจะทำให้AIS สามารถส่งมอบประสบการณ์และบริการดิจิทัล ทั้งโครงข่ายสื่อสารอัจฉริยะ และเน็ตบ้าน ให้กับลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ”