รีวิว realme 13 Series เกมมิ่งสมาร์ตโฟนตัวจริง ชิปประมวลผลใหม่พร้อมชุดระบายความร้อนดีมากๆ ค่าตัวเริ่มต้น 8,999.-

เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับเกมมิ่งสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ realme 13 Series ที่มาพร้อมกับสโลแกน Speed to Victory โดยมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ realme 13 และ realme 13+ นั้นเองครับ โดยทั้งสองรุ่นได้อัพเกรดประสิทธิภาพตัวเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยรุ่น realme 13+ จะมาพร้อมกับชิปประมวลผล  MediaTek Dimensity 7300 Energy 5G พร้อมชุดระบายความร้อนแบบใหม่ Stainless Steel Vapor Cooling System ที่มีพื้นที่ระบายความร้อนมากถึง 6,050 ตารางมิลลิเมตร หมดกังวลเมื่อเล่นเกมเป็นเวลานานๆ สามารถเล่นเกมได้ยาวนานกับแบตเตอรี่ ขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับชาร์จไว 80W Ultra Charge

SPEC realme 13+

  • หน้าจอแสดงผล OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ Refresh Rate 120Hz
  • ชิปเซ็ต CPU Dimensity 7300 Energy สถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร
  • GPU Arm® Mali-G615
  • RAM 12GB LPDDR4X พร้อมเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion)
  • ROM 256-512GB UFS 3.1
  • ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย realme UI 5.0
  • กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
  • กล้องหลังคู่ ความละเอียด 50+2 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Sony LYT-600 พร้อมกันสั่น OIS
  • ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมช่องหูฟัง 3.5มม.
  • WiFi6 + BT5.4
  • แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จไว 80W
  •  มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Victory Gold และ Dark Purple
  • ความจุ 12/256GB ราคา 11,999 บาท, ความจุ 12/512GB ราคา 13,999 บาท

อุปกรณ์ภายในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้

  1. ตัวเครื่อง realme 13+
  2. Adapter 80W Ultra Charge
  3. สาย USB-C
  4. เคสซิลิโคนใส
  5. เข็มจิ้มถาดซิม
  6. คู่มือการใช้งาน

วัสดุและการออกแบบ

realme 13+ มาพร้อมกับหน้าจอ OLED E-sport ขนาด 6.67 นิ้ว พาแนลแบบ Pro-XDR ความละเอียด FHD+ 1080*2400 พิกเซล อัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz / อัตราการตรวจจับการสัมผัสหน้าจอสูงสุด 1200Hz, รองรับการทัชหน้าจอแม้หน้าจอเปียกน้ำ ถือว่าเป็นหน้าจอที่เหมาะกับการเล่นเกมมากๆครับ แสดงผลได้ไหลลื่นและตอบสนองการทัชหน้าจอได้เป็นอย่างดี รองรับการแสดงค่าสีที่ 16.7 ล้านสี ค่าความสว่างสูงสุด 2000nits หน้าจอรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

เต็มอิ่มทั้งภาพและเสียงกับลำโพงคู่สเตอริโอ ช่วยเพิ่มอรรรถในการเล่นเกมหรือชมคอนเท็นต่างๆ

ด้านล่างตัวเครื่องจะมี ลำโพงหลัก / พอร์ต USB-C / ไมค์สนทนา และถาดซิมการ์ด

ถาดซิมการ์ดรองรับสองซิม ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้นะ

ฝั่งขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม power

ด้านบนจะเป็นตำแหน่งของ ช่องหูฟังขนาด 3.5มม. / ลำโพงตัวที่สอง / ไมค์ตัดเสียงรบกวน

ตัวเครื่องเน้นความบางและเบาใช้การออกแบบ Victory Speed Design โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคีย์เวิร์ด “Victory” และ “Speed” จากเกมแข่งรถ ฝาหลังมีความโค้งทั้งสี่ด้าน ด้านหลังจะประกอบไปด้วยกรอบเสน์กล้องหลังวงกลมและฝาหลังขึ้นลายแท็คเจอร์ดูสวยงามและช่วยลดการเกาะติดของลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี กรอบตัวเครื่องวัสดุอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปชิ้นเดียว

ตัวเครื่องป้องกันน้ำและฝุ่นมาตราฐาน IP65

ขนาดตัวเครื่อง 161.7 x 74.7 x 7.6 มม. น้ำหนัก 185 กรัม ถือว่ามีขนาดเล็กและเบาใช้ได้เลยครับ

ระบบปฏิบัติการ

realme 13+ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย realme UI 5.0 สามารถปรับเปลี่ยนธีมได้ รองรับการใช้งานแอพคู่

ประสิทธิภาพการทำงาน

realme 13+ ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ตัวเครื่องจึงมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล CPU MediaTek Dimensity 7300 Energy 5G / GPU Arm Mali-G615 บนสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร  ถือว่าเร็วและแรงในอันดับต้นๆกับสมาร์ตโฟนในเซกเมนต์นี้ หมดกังวลเมื่อเล่นเกมเป็นเวลานานๆกับชุดระบายความร้อนแบบใหม่ Stainless Steel Vapor Cooling System ที่มีพื้นที่ระบายความร้อนมากถึง 6,050 ตารางมิลลิเมตร เล่นได้ยาวนานเฟรมเรตไม่ตก

หน่วยความจำ

  • RAM 12GB LPDDR4X พร้อมเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) เพิ่ม RAM สูงสุด 12GB + 14GB ที่ 26GB 
  • ROM 256-512GB UFS 3.1 รองรับการอ่านและเขียนข้อมูลความเร็วสูง

สำหรับการเล่นเกมจะมาพร้อมกับ GT Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ไหลลื่น รองรับ 6 เกมหลัก ได้แก่ PUBG MOBILE, BGMI, Free Fire, MLBB, HOK(120FPS) และ COD และยังเล่นเกม MLBB และ FreeFire ที่ 90FPS ได้ต่อเนื่องแบบไหลลื่นไม่มีสะดุดอีกด้วย

เพิ่มอรรรถในการเล่นเกมกับลำโพงคู่สเตอริโอ มิติเสียงออกจากลำโพงถือว่ามีมิติที่ดีและ อัตราการตรวจจับการสัมผัสหน้าจอสูงสุด 1200Hz ช่วยให้การควบคุมแม่นยำขึ้น

ตัวเครื่องติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh รองรับชาร์จไว 80W Ultra Charge ภายในกล่องแถมที่ชาร์จเร็วมาให้พร้อมใช้งาน

กล้องถ่ายรูป

กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f2.4 มีโหมดบิวตี้มาให้ รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080P 30fps

กล้องหลังคู่ AI Dual Camera แบ่งการทำงานได้ดังนี้

  • เลนส์หลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f1.8 เซนเซอร์ Sony LYT-600 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.95″ พร้อมระบบกันสั่น OIS
  • เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f2.4

โหมดการถ่ายภาพจะมีดังนี้ โหมดกลางคืน, โหมดถ่ายภาพ, โหมดพอร์ตเทรต, โหมดความละเอียดสูง, โหมดถ่ายภาพมืออาชีพ, มุมมองพานอรามา, มาโคร, ข้อความซูเปอร์, กลุ่มภาพบุคคลซูเปอร์, การเอียง, การถ่ายภาพการเปิดรับแสงนาน, เครื่องสแกนเอกสาร, โหมดภาพยนตร์, ถ่ายวิดีโอสองมุม, Google Lens

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง realme 13+

 

สำหรับอีกรุ่นที่มาพร้อมกันแต่ค่าตัวถูกลงมาเยอะนั้นคือ realme 13 โดยรุ่นนี้ยังเน้นเรื่องการเล่นเกมเช่นกันครับ มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 6300 5G พร้อมจอ IPS ขนาด 6.72 นิ้ว Refresh Rate 120Hz เต้มอิ่มทั้งภาพและเสียงเหมือนกับรุ่นพี่เพราะมากับลำโพงคู่สเตอริโอเช่นกัน กล้องหลังขนาด 50 ล้านพิกเซล มีกันสั่น OIS โดยค่าตัวถูกลงมาเหลือเพียง 8,999 บาท

SPEC realme 13

  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400*1080 พิกเซล, Refresh Rate 120Hz
  • ชิปเซ็ต CPU Dimensity 6300 5G สถาปัตยกรรมระดับ 6 นาโนเมตร
  • GPU ARM G57 MC2
  • RAM 12GB LPDDR4X
  • ROM 256GB
  • ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย realme UI 5.0
  • กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
  • กล้องหลังคู่ ความละเอียด 50+2 ล้านพิกเซล พร้อมกันสั่น OIS
  • ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมช่องหูฟัง 3.5มม.
  • แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จไว 45W

อุปกรณ์ภายในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้

  1. ตัวเครื่อง realme 13
  2. Adapter 45W Fast Charge
  3. สาย USB-C
  4. เคสซิลิโคนใส
  5. เข็มจิ้มถาดซิม
  6. คู่มือการใช้งาน

วัสดุและการออกแบบ

realme 13 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Eye Comfort พาแนล IPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400*1080 พิกเซล, ค่าความสว่าง 580Nits มีโหมดถนอมสายตามาให้ ความลึกของสี 83% NTSC

อัตรา Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz แสดงผลได้ไหลลื่น สามารถชมคอนเท็นได้สีสันสวยงามพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอเช่นเดียวกับตัวพี่

การออกแบบตัวเครื่องแบบ Victory Speed Design โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคีย์เวิร์ด “Victory” และ “Speed” จากเกมแข่งรถ แต่รุ่นนี้ฝาหลังจะมากับทรงเรียบแบน ตัวเครื่องมาพร้อมกับมาตราฐานกันฝุ่นกันน้ำ IP64

ขนาดตัวเครื่อง 165.6 x 76.1 x 7.79 มม. น้ำหนัก 190 กรัม

ระบบปฏิบัติการ

realme 13 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย realme UI 5.0 มีระบบ AI Boost 2.0 ช่วยเข้าแอพได้รวดเร็วขึ้น รองรับการใช้งานแอพคู่

ประสิทธิภาพการทำงาน

realme 13 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล CPU Dimensity 6300 5G สถาปัตยกรรมระดับ 6 นาโนเมตร / GPU ARM G57 MC2 ชุดระบายความร้อนขนาดใหญ่เหมือนกับรุ่นพี่นั้นคือ Stainless Steel Vapor Cooling System ที่มีพื้นที่ระบายความร้อน 2249 มม.

หน่วยความจำ

  • RAM 12GB LPDDR4X พร้อมเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) เพิ่ม RAM สูงสุด 12GB + 14GB ที่ 26GB 
  • ROM 256GB

สำหรับการเล่นเกมจะมี GT Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ไหลลื่น เพิ่มอรรรถในการเล่นเกมกับฟีเจอร์เปลี่ยนแปลงเสียงขณะคุยเล่นเกม และเล่นเกมได้ยาวนานกับแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh รองรับชาร์จไว 45W ภายในกล่องแถมที่ชาร์จเร็วมาให้พร้อมใช้งาน

กล้องถ่ายรูป

กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f2.4 มีโหมดบิวตี้มาให้ รองรับการถ่ายวิดีโอ 720P 30fps

กล้องหลังคู่ AI Dual Camera แบ่งการทำงานได้ดังนี้

  • เลนส์หลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f1.8 เซนเซอร์ พร้อมระบบกันสั่น OIS
  • เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f2.4

โหมดการถ่ายภาพจะมีดังนี้ โหมดถ่ายภาพ, วิดีโอ, โหมดสตรีท, พอร์ตเทรต, โหมดถ่ายภาพกลางคืน, พาโนรามา, วิดีโอสองมุมมอง, ไทม์แลปส์, โปร, สโลโมชั่น, ความละเอียดสูง, ทิลต์ชิฟต์, สแกนเนอร์ข้อความ, ภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง realme 13

สรุป

สำหรับ “realme 13 Series 5G” ทั้ง 2 รุ่น คือ “realme 13+ 5G” และ “realme 13 5G” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก ถ้างบถึงแนะนำให้เอาตัวพี่นะครับถึงจะแพงกว่าแต่คุ้มกว่าแน่นอน สเปคที่ให้มาถือว่าดีมากๆ หน้าจอสวยงามรองรับการเล่นเกมได้ไหลลื่นและทัชแม่นยำ หน่วยความจำที่ให้มามีขนาดใหญ่และสามารถอ่านและเขียนข้อมูลความเร็วสูง ชิปประมวลผลที่ติดตั้งมาให้พอเพียงต่อการเล่นเกมได้เป็นอย่างดีและเล่นนานๆตัวเครื่องไม่ร้อน สำหรับ realme 13+ ถึงจะแพงกว่าแต่ได้มาคุ้มกว่า

ราคาและการจำหน่าย

  • realme 13+ 5G นำเสนอสเปกความจุ 512/12GB ในราคา 13,999 บาท และ 256/12GB ในราคา 11,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Victory Gold และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทา
  • ช่องทางโอเปอเรเตอร์ True และ Dtac ในรุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 6,699 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาท และช่องทาง AIS รุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 7,799 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาท รับฟรี realme Buds T01, realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 10,497 บาท
  • ช่องทางตัวแทนจำหน่าย Banana, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice รับฟรี realme Buds T01, realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 10,497 บาท
  • ช่องทางอีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop รับฟรีคูปองส่วนลด 1,000 บาท, realme Buds T01, realme Gift Box พร้อมประกันจอแตก 1 ปี และ PUBG VIP Item Code Card (พิเศษ! ในช่วงพรีออเดอร์สำหรับความจุ 12+512GB Exclusive เฉพาะ Shopee เท่านั้น)

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

  • realme 13 5G นำเสนอสเปกความจุ 256/12GB ในราคา 8,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Speed Green และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง
  • ช่องทางโอเปอเรเตอร์ True และ Dtac ในราคาเริ่มต้นเพียง 5,499 บาท และ AIS ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,049 บาท พร้อมรับฟรี realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 7,898 บาทในทุกช่องทา
  • ช่องทางตัวแทนจำหน่าย Banana, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice พร้อมรับฟรี realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 7,898 บาทในทุกช่องทาง
  • ช่องทางอีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop รับฟรีคูปองส่วนลด 1,000 บาท, realme Buds T01, realme Gift Box พร้อมประกันจอแตก 1 ปี และ PUBG VIP Item Code Card

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

Loading