สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่านรอบบนี้เรามาทำความรู้จักกับ Royal Enfield HUNTER 350 มอร์ไซส์สไตล์ Modern Classic ที่มีความสวยเป็นเอกลักษณ์ ถือว่าเป็นรุ่นเล็กสุด ถูกสุดของทางค่าย เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในเมืองรวมไปถึงการออกทริปต่างๆได้ดี ด้วยค่าตัวเริ่มต้นเบาๆเพียง 129,900 บาท
สำหรับ Royal Enfield HUNTER 350 ที่จำหน่ายในบ้านเราจะมีกันทั้งหมด 2 รุ่นนะครับ
- รุ่น Metro Hunter ค่าตัว 129,900 บาท
- รุ่น Metro Hunter(Tripper) สีทูโทนพร้อมเรือนไมค์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน 132,900 บาท (รุ่นที่รีวิว)
มาดูสเปคจากผู้ผลิตกันก่อนนะครับ
- เครื่องยนต์ J-Series ขนาด 349 ซีซี. 4 จังหวะ ลูกสูบเดี่ยว 2 วาล์ว ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ
- ช่วงชักที่ 72.0 x 85.8 มิลลิเมตร กำลังอัดที่ 9.5:1
- กำลังสูงสุดที่ 20.2 แรงม้า (ที่ 6,100 รอบ/นาที) อัตราแรงบิดสูงสุดที่ 27 นิวตันเมตร(ที่ 4,000 รอบ/นาที)
- ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง แบบหัวฉีด
- เบรค ABS ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
- โช๊คหน้าแบบ Telescopic ขนาด 41 มิลลิเมตร ระยะยุบตัว 130 มม.
- โช๊คหลังคู่ ปรับพรีโหลดได้ 6 ระดับ ระยะยุบตัว 102 มม.
- หน้าจอเรือนไมค์แสดงผลแบบ Digi-Analog
- เฟรมแบบใหม่ Half-Duplex แบบเปลคู่ช่วยให้ตัวรถเบาขึ้น
- ถังน้ำมัน ความจุ 13 ลิตร
- ไฟหน้าแบบ ฮาโลเจน / ไฟท้ายแบบ LED
- ล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 17 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมยางแบบ Tubeless
- ขนาดสัดส่วนตัวรถ 1,055 x 2,055 x 1,505 มม. น้ำหนักตัวรถ 179 กิโลกรัม
จากที่ได้ทดลองขับใช้งานทั้งในเมืองและตามชานเมือง Royal Enfield HUNTER 350 มีความคล่องตัวสูงมาก ความกว้างของแฮนส์ที่ไม่กว้างมากไปสามารถขับแทรกได้สะดวกเวลารถติดๆ ตำแหน่งในการนั่งถือว่าดีมาก จากพื้นถึงตัวเบาะที่ 790 มม. ช่วยให้การวางเท้าทั้งสองข้างถึงพื้นสบายๆครับ สำหรับตำแหน่งในการขับขี่ถือว่าดีมากๆ ช่วยให้การบังคับเลี้ยวดูคล่องตัวสูง
เรือนไมค์ผสมผลาสระหว่างความคลาสสิคกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เรือนไมค์แบบ Digi-Analog ก้จะมีเข็มแจ้งระดับความเร็ว และตรงกลางจะมีตัวเลขแบบดิจิตอลบอกรายละเอียดการแจ้งเตือนต่างๆครบมาก รวมไปถึงตำแหน่งเกียร์
สำหรับรุ่น Tripper ที่เพิ่มเงินมาเพียง 3,000 บาท จะได้สีแบบทรูโทนและเรือนไมแยกตัวที่สองมาให้ เอาไว้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนนะครับ รองรับการนำทางของแผนที่ด้วยนะ
สวิทช์แนวคลาสสิค แบบคันโยกและเลื่อนสวิทช์ มีช่อง USB มาให้เพื่อความสะดวกในการชาร์จแบตเวลาออกทริป
พอดีทีมงานได้มีโอกาสนำเจ้า Royal Enfield HUNTER 350 ออกทริปไกล จากกรุงเทพไปเกาะช้าง เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา การขับขี่ระยะไกลทำได้ดีมากๆ ช่วยให้ไม่เมื่อยล้า เบาะที่ติดตั้งมาถือว่าดีเลยครับ ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของรถรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เบาะดีมากไม่นุ่นจนย้วยแต่ก้ไม่แข็งจนปวดก้นเมื่อนั่งนานๆ
อัตราเร่ง แรงบิดช่วงต้นอาจจะไม่หวือหวามากนัก แต่ช่วงกลางๆทำได้ดีมาก ขับขึ้นเขาหรือทางลาดชันสบายๆไม่ต้องเชนเกียร์ลงสุด เครื่องยนต์ระดับ 350cc. ถือว่ารุ่นนี้ทำได้ดี
ระบบกันสะเทือนด้านหน้า แกนโช๊คจะมีหุ้มยางกันฝั่นมาให้นะครับเผื่อใครจะแต่งสายลุย ช่วงยุบตัวถือว่าทำได้ดีเมื่อเวลาเจอช่วงรอยต่อของคอสะพานหรือหลุมต่างๆ
ส่วนโช๊คหลังสามารถปรับระดับได้ถึง 6 ระดับ จากที่ทางโรงงานปรับมาให้ถ้านั่งคนเดียวจะแข็งไปนิดบางคนก็ชอบนะเพราะเวลาเข้าโค้งจะไม่ย้วย แต่ถ้านั่งสองคนหรือเวลามีคนซ้อนโชคจะมีความนุ่มพอดีมากๆ
มั่นใจได้กับระบบเบรคแบบ ABS ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดยชุดหน้าจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 300 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ / ชุดหลังดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 270 มิลลิเมตร คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว
ระบบ ABS ทำงานได้แม่นยำดีครับเมื่อเจอทางที่เปียกหรือมีเศษหินบนท้องถนน
หลังจากที่ได้ทดสอบทั้งการขับใช้งานในเมืองและการออกทริป จุดเด่นของ Royal Enfield HUNTER 350 คงจะเป็นความคล่องตัว เป้นรถที่ตอบโจทน์ทั้งใช้งานทั่วไปหรือไว้เที่ยว สำหรับคนที่กำลังมองหามอร์ไซส์ไว้ใช้งานซักคัน อาจจะเป็นการลงทุนกับรถคันเดียวเอาไว้ทั้งขี่ไปทำงานแะเอาไว้ขี่เวลาออกไปเที่ยวในวันหยุด ตัวนี้ตอบโจทน์ได้แน่นอนครับ
รวมภาพสวยๆระหว่างออกทริปครับ