ผนึกพลัง ตำรวจ – เอไอเอส เปิดยุทธการทลายเครือข่าย “แก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.สมประสงค์เย็นท้วมผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ฉัตรชัยสุรเชษฐพงษ์รองผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีระชัยชำนาญหมอผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัฒนาปรีชานันท์รองผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัลลภสุภิญโญรองผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วราวุธเจริญชนม์รองผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.กฤตยาเลาประสพวัฒนารองผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.เอนกบุตรอินทร์รองผบก.สง.ก.ต.ช. ปฏิบัติราชการบก.สส.ภ.2

พร้อมด้วยชุดสืบสวนบก.สส.ภ.2 ทำการสืบสวนเนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายตระเวนลักทรัพย์แบตเตอรี่(ลิเธียม)ที่ติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัทแอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวิร์คจำกัด ในกลุ่ม เอไอเอสจำนวนหลายท้องที่ในพื้นที่ภาคตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จากการประสานของมูลจาก บริษัทแอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวิร์คจำกัดว่าในห้วงระยะเวลาตั้งแต่ 1 ม.ค. 2566 ถึงปัจจุบันพบว่าเกิดเหตุคนร้ายได้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกว่า 150 ครั้งได้ทรัพย์สินเป็นแบตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 300 ลูกทำให้บริษัทได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่าสิบล้านบาทคนร้ายได้ตระเวนลักทรัพย์ในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกโดยเลือกพื้นที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีกล้องวงจรปิดออกตระเวนลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องและจากแผนประทุษกรรมการก่อเหตุพบว่าคนร้ายเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับระบบเสาสัญญาณโทรศัพท์เป็นอย่างดีซึ่งคาดว่าคนร้ายเป็นกลุ่มคนที่เคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งระบบในเสาสัญญาณโทรศัพท์

ด้านนายสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออกเอไอเอส กล่าวว่า “จากกรณีที่มีมิจฉาชีพขโมยแบตเตอรี่ สถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของเอไอเอส ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับความเสี่ยงของการให้บริการสัญญาณเครือข่ายอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้สถานีฐานขาดระบบสำรองแหล่งพลังงาน อันอาจทำให้ไม่สามารถให้บริการสัญญาณได้ตามปกติ ดังนั้นทีมวิศวกร และฝ่ายกฎหมายของเอไอเอส จึงเดินหน้าทำงานสืบสวนในเชิงลึกร่วมกับตำรวจ  โดยกองบังคับการสืบสวน สอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2 มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามกลุ่มมิจฉาชีพและสามารถเข้าจับกุมรายใหญ่ได้ในครั้งนี้ ซึ่งในนามของเอไอเอส ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านอย่างยิ่ง ที่ให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ในพื้นที่อื่นๆ หากมีการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในลักษณะนี้ จะทำให้สามารถติดตามจับกุม และนำทรัพย์สินกลับมาเพื่อให้สามารถส่งมอบสัญญาณเครือข่ายได้อย่างมีคุณภาพต่อไป อย่างไรก็ตามหากประชาชนพบเหตุต้องสงสัย สามารถแจ้งมาที่บริษัทฯ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลาเช่นกัน”

สำหรับ แบตเตอรี่ลิเธียมที่ได้ทำการติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์มีไว้สำหรับเป็นกระแสไฟฟ้าสำรองกรณีหากมีเหตุไฟฟ้าดับแบตเตอรี่จะทำงานจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเสาสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ประชาชนที่มีพื้นที่การใช้งานบริเวณเสาสัญญาณนั้นๆยังสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารได้บริษัทจึงต้องใช้แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีกำลังวัตต์สูงเพื่อสำรองกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอที่จะทำให้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ขัดข้องในกรณีที่ไฟฟ้าดับโดยในเสา 1 ต้นจะติดตั้งประมาณ 2-3 ลูกราคาอยู่ที่ประมาณลูกละ 40,000 บาทซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียมประเภทนี้จะไม่ได้มีการนำมาขายตามท้องตลาดทางบริษัทนำเข้าแบตเตอรี่จะจำหน่ายให้กับบริษัทที่จะต้องนำไปใช้งานจริงเท่านั้น

คนร้ายได้กระทำกันเป็นขบวนการเครือข่ายโดยหลังจากที่คนร้ายได้ทำการลักทรัพย์แบตเตอรี่แล้วจะรีบนำไปส่งขายให้กับกลุ่มรับซื้อของโจรในราคาลูกละ 5,000-8,000 บาทจากนั้นกลุ่มคนรับซื้อของโจรจะดำเนินการปลดAlert ในตัวแบตเตอรี่แล้วนำไปลงขายในSocial ตลาดมืดในราคาลูกละ 12,000 – 14,000 บ. และหากซื้อจำนวนมากๆราคาจะถูกลงซึ่งตลาดมืดที่มีความต้องการแบตเตอรี่ประเภทนี้สูงที่สุดคือกลุ่มตลาดที่รับติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ที่มีกำลังวัตต์สูงในการเก็บไฟฟ้ารองลงมาจะเป็นกลุ่มเครื่องเสียงรถยนต์กลุ่มเครื่องเสียงรถแห่กลุ่มทำเหมืองขุดบิทคอยเป็นต้น

ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.2 ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ร่วมกันประชุมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและวิศวกรของบริษัทแอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวิร์คจำกัดเพื่อประสานข้อมูลในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษและทำลายเครือข่ายขบวนการลักแบตเตอรี่เสาสัญญาณโทรศัพท์ในครั้งนี้ซึ่งชุดสืบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 7 คนและขออนุมัติศาลขอหมายค้นเพื่อตรวจยึดของกลางอีกจำนวน 8 จุดซึ่งได้ดำเนินการวางแผนOperation ตั้งแต่วันที่ 21–23 มิ.ย. 67 ซึ่งรายละเอียดผลการปฏิบัติการมีดังนี้

จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 6 รายประกอบด้วย

1.นายอัศวินสงวนนามสกุล

2.นายอิบรอฮีมสงวนนามสกุล

3.นายนาวินสงวนนามสกุล

4.นายรุ่งอนันสงวนนามสกุล

5.นายศราวุธสงวนนามสกุล

6.นายปริวัฒน์สงวนนามสกุล

7.นายวีระวุฒฺสงวนนามสกุลหลบหนีการจับกุม

รวมจับกุม 6 คนตรวจยึดของกลางรวมจำนวน 114 ลูก

ซึ่งการตรวจยึดจากผู้ที่รับซื้อรวมถึงคนกลางที่รับซื้อแบตเตอรี่ซึ่งถูกขายบนSocial ด้วยจากการขยายผลพบกลุ่มผู้กระทำความผิดที่เป็นตัวลงมือลักทรัพย์และตัวกลางรับซื้ออีกหลายรายซึ่งจะได้จับกุมให้หมดทั้งขบวนการและได้ประสานงานกับชุดสืบสวนบก.สส.ภ.3,กก.สืบสวนภ.จว.นครราชสีมา,กก.สืบสวนภ.จว.ชลบุรีการตรวจยึดในครั้งนี้

การกระทำของผู้ลงมือและตัวกลางรับซื้อเป็นความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจรซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปีและหากมีพฤติการณ์ลักทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระหรือรับของโจรเฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่ายซื้อรับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้าผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงินอีกส่วนหนึ่งต้องระวางโทษตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับและจะถูกดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์

ในส่วนตัวกลางรับซื้อรับจำหน่ายได้มีการอายัดบัญชีไว้แล้วกว่า 1,000,000 บาทและจะถูกดำเนินคดีทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

Loading