กรุงเทพ, 23พฤศจิกายนพ.ศ. 2566 –หัวเว่ยประกาศวิสัยทัศน์ในงานเสวนาสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT Forum) ประจำปี2023 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พันธมิตรเพื่อพัฒนาคนยุค5.0 สู่สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” (Partnership for Human Capital 5.0 towards Sustainable Intelligence-Based Society) โดยมุ่งมั่นส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยในงานสัมนาครั้งนี้หัวเว่ยยังได้นำเสนอวิสัยทัศน์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของเศรษฐกิจในยุค5.0 ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลนอกจากนี้หัวเว่ยยังได้เปิดเผยถึงการผสมผสานการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจไทยและประเทศไทยในการเติบโตอย่างมีศักยภาพสู่ประเทศไทยดิจิทัลที่มีความเท่าเทียมและยั่งยืนพร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มี่ต่อความเท่าเทียมทางดิจิทัลใน4 ด้านได้แก่การศึกษาสิ่งแวดล้อมสาธารณสุขและการพัฒนาอย่างสมดุล
ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “วิถีคิดผู้นำด้านการพัฒนาคนสู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน” ว่า “คนเป็นศูนย์กลางของการดำเนินงาน (human-centered approach) ตามแนวทางเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลที่เรียกว่า “New Growth Path” เพื่อตอบโจทย์ Fifth Industrial Revolution ซึ่งประกอบด้วย 3 มิติคือ (1) Green growth การคำนึงถึงผลกระทบของการทำธุรกิจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย (2) Innovation-driven growth การใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแขนงต่างๆรวมทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินนโยบายภาครัฐ และการทำธุรกิจของภาคเอกชน และ (3) Community-based growth การยกระดับแรงงานและการพัฒนากระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการ การสร้างงาน โดยมีนโยบายด้านแรงงานที่นำไปสู่การจ้างงานเต็มที่ และงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคนซึ่งภาคเอกชนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตและธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในหลากหลายมิติเช่น การวัด carbon footprint ขององค์กร การสนับสนุนให้ supply chain ในธุรกิจเป็นธุรกิจสีเขียว การให้โอกาสธุรกิจเล็ก ๆ หรือ entrepreneurs สร้างสรรค์ business model ใหม่ๆ”
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยหรือUNGCNT และประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัดกล่าวว่า“การเตรียมความพร้อมของ “คน” หรือทรัพยากรมนุษย์นอกจากจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงแล้วยังจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในยุค5.0 หรือยุคที่มนุษย์และเทคโนโลยีโดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์หรือAI ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกันพร้อมทั้งเสนอแนวทางเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์สู่ “สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน”สำหรับนักเรียนนักศึกษาต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีเรียนรู้ด้วยการลงมือทำจริง (Action-Based Learning) และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวด้วยGrowth Mindset บ่มเพาะ “จิตสำนึกแห่งความยั่งยืน”ครูผู้สอนต้องปรับบทบาทจากผู้สอน (Instructor) เป็นโค้ชผู้นำกระบวนการเรียนรู้ (Facilitator) เพื่อบ่มเพาะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและมีตัวชี้วัดที่ส่งเสริมความโปร่งใสโดยภาคเอกชนสามารถทำบทบาทนี้ได้ด้วยการจัดกิจกรรมเป็นฐานหรือศูนย์การเรียนรู้สอดคล้องกับSDGs ข้อที่เกี่ยวกับธุรกิจของตนแรงงานองค์กรควรปรับมุมมองในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ว่าเราจะใช้ประโยชน์จากAI อย่างไรให้เสริมงานที่ทำนายจ้างรวมถึงภาครัฐควรเตรียมทักษะแรงงานและทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้แรงงานปัจจุบันและอนาคตสามารถทำงานกับAI ได้เรายืนยันบทบาทของUNGCNT ที่จะระดมกำลังสนับสนุนการปฏิรูประบบการศึกษาเพิ่มขีดความสามารถของครูอาจารย์บุคลากรทางการศึกษาพัฒนาแรงงานให้มีทักษะเหมาะสมต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค5.0 เน้นการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมสร้างคนSI – Sustainable Intelligence ที่มี “ภูมิปัญญาที่ยั่งยืน”สร้างพื้นที่แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนแก่ทุกคนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ดร. ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัดเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจสีเขียวสำหรับอนาคตว่า “การต่อยอดทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของวัฒนธรรมและสังคมเทคโนโลยีดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัวและผลักดันเราสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยความอัจฉริยะหัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีและเราหวังว่าจะสามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้กับทุกคนรวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนได้”
ดร. ชวพลกล่าวเสริมว่าหัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่ทุกผู้คนทุกครัวเรือนและทุกองค์กรเพื่อสร้างประเทศไทยที่มีการเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้บรรลุภารกิจนี้หัวเว่ยได้สร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยมีกลยุทธ์ความยั่งยืนสี่ประการได้แก่ความเท่าเทียมทางด้านดิจิทัลความปลอดภัยและเชื่อถือได้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการสร้างระบบนิเวศที่เข้มแข็งและสมดุล
“ความมุ่งมั่นในการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลของเราประกอบไปด้วย 4 แนวทางหลักอันได้แก่การศึกษาสิ่งแวดล้อมสาธารณสุขและการพัฒนาในด้านการศึกษาเราตั้งเป้าจะผลักดันทั้งในด้านความเท่าเทียมและคุณภาพของมาตรฐานการศึกษาในด้านสิ่งแวดล้อมเราต้องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติในด้านสาธารณสุขเราต้องการผลักดันการเข้าถึงบริการและข้อมูลทางการแพทย์ที่เท่าเทียมและในด้านการพัฒนาเรามุ่งมั่นที่จะเชื่อมต่อรวมถึงประยุกต์ใช้ไอซีทีเพื่อเร่งการพัฒนาในพื้นที่ห่างไกล”ดร. ชวพลกล่าว
งานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยร่วมกับสหประชาชาติซึ่งถือเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำด้านความยั่งยืนที่รวมผู้นำธุรกิจจากทุกภาคส่วนในการสนับสนุนการทำงานร่วมกันและความก้าวหน้าด้านธุรกิจที่ยั่งยืนในประเทศไทยภายใต้หัวข้อ “พันธมิตรเพื่อพัฒนาคนยุค 5.0 สู่สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” โดยมีตัวแทนจากภาครัฐพร้อมกับบริษัทสมาชิก 131 แห่งรวมถึงหัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย), ยูนิลีเวอร์และซีเคพาวเวอร์และองค์กรไทยชั้นนำและพันธมิตรระหว่างประเทศต่างๆได้ร่วมกันเสวนาเกี่ยวกับการสร้างทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) เพื่อสร้าง “คน”ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ
สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาด้านความยั่งยืนขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดแห่งสหประชาชาติที่ส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างกลยุทธ์และแนวทางปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจที่ยั่งยืนโดยหัวเว่ยประเทศไทยได้เข้าร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2564 โดยหลังจบการเสวนาองค์กรที่เข้าร่วมได้ประกาศข้อตกลงความร่วมมือกันและตั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งสามารถวัดผลได้จริงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสู่สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
หัวเว่ยมุ่งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนช่วยส่งเสริมการสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและเท่าเทียมสำหรับทุกคนโดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นในภารกิจ “เติบโตในประเทศไทยร่วมสนับสนุนประเทศไทย” รวมทั้งการ“สร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนและไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง”โดยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทยและการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาประยุกต์ใช้ขณะเดียวกันก็มีเป้าหมายในการนำพลังงานสีเขียวมาใช้ในทุกพื้นที่เพื่ออนาคตด้านดิจิทัลที่ยั่งยืนของประเทศไทยโดยหัวเว่ยเชื่อว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต