เมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องสำคัญ ถึงเวลาที่เราต้องร่วมมือกันเพื่อพัฒนาแนวทางป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

กรุงเทพฯ,23กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 –ปัจจุบัน ภาคเศรษฐกิจและสังคมโลกกำลังเร่งมุ่งหน้าเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านทางด้านเครือข่าย ยุคดิจิทัล และสู่ความเป็นอัจฉริยะ โลกไซเบอร์ได้ผสานเข้ากับเศรษฐกิจและสังคมจนเป็นเนื้อเดียว และการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลก็มีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ คลาวด์ บิ๊กดาต้า AI และ 5G ต่างสร้างโมเมนตัมใหม่ ๆ ให้แก่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจดิจิทัลได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงหลังสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในขณะเดียวกัน ความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้กลายเป็นปัญหาที่มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นขอบเขตของเครือข่ายต่าง ๆ เริ่มเลือนหาย จุดอ่อนในระบบเริ่มมีมากขึ้น พื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ก็กว้างใหญ่ขึ้น และเหตุการณ์การเจาะระบบความปลอดภัยที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญก็มีจำนวนถี่ขึ้นตามไปด้วย ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่ว่านี้ บทบาทพื้นฐานของความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงมีความสำคัญมากขึ้น ครอบคลุมถึงคำถามที่ว่าเราจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นทางดิจิทัลได้อย่างไร เพิ่มศักยภาพของความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้อย่างไร จะปกป้องการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขององค์กรต่าง ๆ ได้อย่างไร รวมถึงจะสามารถจัดการความเสี่ยง ทำให้เกิดการปฏิบัติตามมาตรฐาน และต้องทำให้แน่ใจได้ว่าความปลอดภัยทางเครือข่ายและข้อมูล ความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะสามารถช่วยปกป้องการพัฒนาของเศรษฐกิจดิจิทัลได้

จากข้อมูลสถิติภัยคุกคามทางไซเบอร์ของไทยในปี พ.ศ. 2565โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)พบว่าประเทศไทยมีอัตราการเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นถึงเท่าตัว จากปีพ.ศ. 2564 ที่มี 135 เหตุการณ์เป็น 772 เหตุการณ์ในปี พ.ศ.2565ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีข้อมูลบนเว็บไซต์ด้านการศึกษาและภาคสาธารณะด้วยเหตุนี้ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีไอซีทีที่ได้รับความเชื่อมั่นจากพาร์ทเนอร์ทั่วโลกซึ่งดำเนินมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ได้ประกาศความมุ่งมั่นในการจะผลักดันรากฐานของความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการร่วมมือกับทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชนชั้นนำ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหลายในอุตสาหกรรมโดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างปลอดภัยและมั่นคง

นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัดได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ว่า“การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมากขึ้นย่อมมาพร้อมกับภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับที่ประเมินค่าไม่ได้ หากหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ขาดมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพียงพอหัวเว่ย ประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบันและมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้นซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ร่วมมือกับภาครัฐบาลและภาคเอกชนในประเทศไทยเดินหน้าผลักดันหลากหลายโครงการ เพื่อวางรากฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลร่วมกันเพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่าง ๆ ในการรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต เช่นการจัดนิทรรศการสัปดาห์วิชาการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมรับพระราชบัญญัติป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)และงานสัมมนาประจำปีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เป็นต้น”

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566หัวเว่ย ประเทศไทย จะยังคงมุ่งนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและมีความปลอดภัย ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทยไปอีกขั้น ด้วยการยกระดับประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลให้แก่โครงสร้างพื้นฐานไอซีทีในไทย ควบคู่กับการแบ่งปันองค์ความรู้และหลักปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับเทคโนโลยี 5G ให้แก่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในไทย และลูกค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่อีโคซิสเต็มด้านไซเบอร์ของประเทศส่วนในด้านการปกป้องข้อมูล หัวเว่ยจะสนับสนุนธุรกิจและสตาร์ทอัพต่างๆ ในไทยในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นไปตามข้อกำหนดของ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับดัชนีความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับโลก (GCI)ให้แก่ประเทศไทยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ประเทศในระดับสากล

นอกจากแนวทางเชิงกลยุทธ์ด้านการเผยแพร่องค์ความรู้ หัวเว่ย ประเทศไทย จะเดินหน้าสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการฝึกอบรมนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้ได้ถึง 20,000 คน ภายในระยะเวลา 3 ปี ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ่มเพาะธุรกิจเอสเอ็มอี Spark Ignite โครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมซึ่งจะต่อยอดให้ครอบคลุมในพื้นที่ 10 จังหวัด ฝึกอบรมนักเรียนให้ถึง 2,000 คน งานสัมมนา Talent Talk ต่อยอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัลจากภาคส่วนต่างๆ และโครงการ Seeds for the Futureซึ่งจะมีทั้งการฝึกอบรม มอบทุนการศึกษา และการแข่งขันในกลุ่มเยาวชนเพื่อแบ่งปันความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้เข้าถึงและครอบคลุมกลุ่มคนที่หลากหลายและผลักดันการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทย

เทคโนโลยีไอซีทีและการเชื่อมต่อระดับโลกถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาความก้าวหน้าของมนุษยชาติมาเป็นเวลาเนิ่นนาน เทคโนโลยีอย่าง 5G ได้ช่วยผลักดันวิถีชีวิตดิจิทัล เปลี่ยนแปลงภาคเศรษฐกิจและสังคม ขยับขยายโอกาสของการร่วมมือและการเติบโตทางเศรษฐกิจ นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่เทคโนโลยีต่าง ๆ เชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น ทำให้หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่าเครือข่ายและอุปกรณ์ทั้งหลายจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเทคโนโลยีมากขึ้นตามไปด้วยแต่ในขณะเดียวกันก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นและจะต้องหาทางรับมือด้วยการทำให้เทคโนโลยีมีความน่าเชื่อถือ เสถียร และสามารถเข้าถึงได้เมื่อจำเป็น

หากเราเพิ่มความแข็งแกร่งและจดจ่อไปที่ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการมุ่งหน้าเพื่อสร้างข้อตกลงสำคัญร่วมกันในแง่ของมาตรฐานทางไซเบอร์ ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของความร่วมมือในระดับโลก เพื่อพัฒนาเป้าหมายและมาตรฐานที่สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกันในการจัดการกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อที่เราจะสามารถพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลที่ความปลอดภัยยิ่งขึ้นและมีความพร้อมต่อนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาถึงได้

ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของหัวเว่ย ประเทศไทย ได้กล่าวย้ำว่าหัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างและมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีของประเทศ รวมทั้งสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว หัวเว่ย ประเทศไทย มั่นใจว่าหน่วยงานต่างๆ ทั้งในระดับองค์กรหรือแม้แต่ในระดับบุคคลทั่วไปจะมั่นใจและได้รับความปลอดภัยมากขึ้นในการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันสานต่อพันธกิจ “เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย” เพื่อนำประเทศไทยสู่การเชื่อมต่ออัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบและปลอดภัยในยุคดิจิทัล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *