กรุงเทพฯ 30 มกราคม 2567 – บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศกลยุทธ์ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Life’s Good 24/7 with Affectionate Intelligence: ชีวิตดีดีทุกเวลา ด้วยความอัจฉริยะที่มีเสน่ห์” มุ่งสู่การเป็น Smart Life Solution Company อย่างเต็มรูปแบบ เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค พร้อมเผยผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่า 5% ในปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าการเติบโตที่ 15% ในปี 2568
นายซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงวิสัยทัศน์ปี 2568 ว่า “แอลจีกำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น Smart Life Solution Company ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 โดยผสาน AI และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ที่ผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมุ่งเน้น 4 เสาหลัก ได้แก่ การเติบโตในธุรกิจหลัก การขยายบริการแพลตฟอร์ม การสร้างการเติบโตให้กับโซลูชัน B2B และการแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ
สำหรับกลยุทธ์ในตลาดประเทศไทย แอลจีเดินหน้าตอบโจทย์ความต้องการด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ More Insight การเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งด้วย Affectionate Intelligence หรือเทคโนโลยี AI เฉพาะของแอลจี ที่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถเรียนรู้และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับ More Integrated การพัฒนาโซลูชัน B2B แบบครบวงจรเพื่อสร้างความไว้วางใจและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจไทย นอกจากนี้ยังมี More Seamless การยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ให้สะดวกสบายแบบไร้รอยต่อยิ่งขึ้นผ่าน LG Online Brand Shop หรือ LG.com ตลอดจน More Reliable การมอบบริการการดูแลระยะยาวที่น่าเชื่อถือผ่าน LG Subscribe เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในทุกมิติ
ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นของแอลจีในการสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและก้าวสู่การเป็น Smart Life Solution Company อย่างแท้จริง”
ด้าน นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวเสริมว่า “Affectionate Intelligence คือหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ในปี 2568 โดยเป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนา AI ที่เข้าใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล ผ่าน 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย (Connected Devices) จากการเข้าซื้อกิจการ Athom ทำให้แอลจีสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT กว่า 170 แบรนด์ทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะของแอลจีได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังมี เอเจนต์ AI อัจฉริยะ (Capable AI Agents) ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับ LG FURON ด้วย AI เชิงสร้างสรรค์จากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ที่สามารถวิเคราะห์รูปแบบการใช้ชีวิต พร้อมประสานการทำงานระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ภายใต้การปกป้องข้อมูลส่วนตัวที่เข้มงวด รวมถึง บริการที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว (Integrated Services) โดยแอลจีได้ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ผสานผลิตภัณฑ์แอลจีกับเทคโนโลยี AI ของไมโครซอฟท์ เพื่อนำไปสู่การให้บริการแบบครบวงจรด้วย AI ที่เข้าใจความรู้สึกของผู้ใช้งาน นอกจากนี้เรายังมีแอปพลิเคชัน LG ThinQ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานตรวจสอบและสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย”
ปรับโครงสร้างองค์กร เสริมแกร่งความเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย
ตลอดกว่า 37 ปี แอลจี ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัล Superbrands Thailand 15 ปีซ้อน และรางวัล Thailand’s Most Admired Brand 5 ปีซ้อน ซึ่งแอลจียังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า รวมถึงตู้เย็นสองประตู สำหรับปีที่ผ่านมา แอลจีสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 5% ขณะที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมเติบโตที่ 3.5% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่น และในปี 2568 นี้ แอลจีตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่องไว้ที่ 15% ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นนวัตกรรม การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อต่อยอดความสำเร็จและผลักดันการเติบโต แอลจี ประเทศไทย ได้เดินหน้าปรับใช้โครงสร้างองค์กรรูปแบบใหม่ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจเดิมอย่างเต็มที่ทั้งใน กลุ่มธุรกิจโซลูชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Home Appliance Solution: HS) ที่มุ่งเน้นการบูรณาการ AI เพื่อยกระดับความสะดวกสบายภายในบ้านของลูกค้าชาวไทย กลุ่มธุรกิจโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิง (Media Entertainment Solution: MS) ที่ปรับเปลี่ยนจากผู้ให้บริการฮาร์ดแวร์ไปสู่ผู้ให้บริการคอนเทนต์และบริการ ด้วยการการมอบโซลูชันความบันเทิงที่เหนือระดับ และกลุ่มธุรกิจโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco Solution: ES) ผ่านการพัฒนาโซลูชัน HVAC และโซลูชันที่มีเฉพาะสำหรับประเทศไทย ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโซลูชันยานยนต์ (Vehicle Solution: VS) ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย โดยนวัตกรรมโซลูชันทั้งหมดนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งแอลจีในฐานะผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า และส่งมอบนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
แอลจียังคงเดินหน้าส่งมอบผลิตภัณฑ์ผ่าน Modern Trade และ Traditional Trade โดยปัจจุบันมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ และได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งในปี 2568 นี้ แอลจีตั้งเป้าการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจ B2B (Business to Business) จาก 11% เป็น 15% ควบคู่ไปกับการการรุกตลาด D2C (Direct to Consumer) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ “LG.com” เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ โดยตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 15% อย่างไรก็ตาม แอลจียังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้า B2C (Business to Consumer) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก โดยรักษาสัดส่วนไว้ที่ 70%
“แอลจี ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 38 อย่างแข็งแกร่ง ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า โดยเน้นการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และส่งมอบความอุ่นใจให้กับทุกคน ครอบคลุมทั้งลูกค้าทั่วไป องค์กรธุรกิจ และลูกค้าออนไลน์ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในปีนี้ แอลจีจะนำ AI หรือ “ความอัจฉริยะที่มีเสน่ห์” มาใช้ในผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการต่างๆ ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ของแอลจี ตั้งแต่สมาร์ททีวี เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น ในผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า เราให้ความสำคัญกับ Personalized Experience มากยิ่งขึ้น โดยจะมีการนำ LG WashTower รุ่นใหม่ที่มาพร้อม UX Interface ที่สามารถปรับแต่งได้ตามการใช้งานของแต่ละคน มาสู่ตลาดไทยในเร็วๆ นี้ สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี แอลจีได้นำเสนอไลน์อัปพรีเมียมอย่าง LG SIGNATURE OLED M ทีวีไร้สายอัจฉริยะรุ่นแรกของโลก รวมถึง LG QNED evo AI ไลฟ์สไตล์ทีวีที่มอบภาพคมชัดสมจริง ในดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมใช้ AI ปรับคุณภาพภาพและเสียงอัตโนมัติ ซึ่งในปีนี้แอลจีก็หวังว่าจะได้นำเสนอนวัตกรรมทีวีที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคชาวไทยต่อไป นอกจากนี้ในด้านเครื่องปรับอากาศแอลจีก็ได้มีการผสานรวมนวัตกรรม AI ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นเช่นกัน ด้วยนวัตกรรม AI Air ที่จะมาพร้อมความสามารถใหม่ๆ ที่เข้าใจและเรียนรู้ไลฟ์สไตล์คุณทั้งในด้านความสะดวกสบายและการประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของแอลจีล้วนถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกคน ทุกวัย เพื่อมอบความสะดวกสบายที่ปรับให้เข้ากับความต้องการส่วนบุคคล ทั้งนี้แอลจียังคงมุ่งมั่นพัฒนาการเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์อัจฉริยะในผลิตภัณฑ์ โดยใช้โซลูชัน ‘LG AI Brain’ วิเคราะห์และประสานการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างราบรื่น พร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วย ‘LG Shield’” นายอำนาจกล่าวปิดท้าย