กรุงเทพฯ 19พฤศจิกายน2567 –เจแอลแอล(NYSE: JLL) ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการสรรหาที่ดินให้แก่หนึ่งในบริษัทผู้จัดเก็บระบบข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือดาต้าเซ็นเตอร์ บนทำเลทองริมถนนบางนา-ตราด ซึ่งเจแอลแอลได้อาศัยความร่วมมือจากเครือข่ายระดับสากล ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของบริษัท และองค์ความรู้เชิงลึกด้านตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ ในการอำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรมมีความราบรื่นส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จครั้งนี้
การซื้อที่ดินเพื่อลงทุนทำโครงการดาต้าเซ็นเตอร์บนถนนบางนา-ตราดในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมากในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นดิจิทัลฮับจากความต้องการบริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้นและการสนับสนุนจากภาครัฐซึ่งเป็นไปตามนโยบายCloud First Policyโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย(BOI) ได้อนุมัติแผนการลงทุนระยะยาวให้แก่ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทย
ประเทศไทยมีความพร้อมด้วยปัจจัยหลายด้านที่เหมาะสมแก่การก้าวเป็นสู่ศูนย์กลางข้อมูลในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรที่สูงกว่า85% และมีบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียสูงกว่า65% ปัจจัยข้างต้นชี้ให้เห็นถึงศักยภาพพื้นฐานที่แข็งแกร่งต่อการทำธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์นอกจากนี้การลงทุนมูลค่ากว่า500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากหนึ่งในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นการตอกย้ำสถานะของไทยในการเป็นศูนย์รวมดาต้าเซ็นเตอร์ที่น่าจับตามองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายกฤชปิ่มหทัยวุฒิหัวหน้าแผนกตลาดทุนประจำประเทศไทยบริษัทโจนส์แลงลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL)แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนครั้งสำคัญนี้ว่า“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของดาต้าเซ็นเตอร์คุณภาพสูงในประเทศไทยแสดงให้เห็นว่าไทยเริ่มเป็นที่สนใจในฐานะศูนย์กลางของระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยทั่วไปโครงการดาต้าเซ็นเตอร์เป็นธุรกิจที่รับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้น้อยจึงทำให้มีเกณฑ์การคัดเลือกสถานที่ตั้งโครงการอย่างละเอียดเนื่องจากต้องจำกัดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลในทุกๆด้านเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการลงทุนของโครงการสำคัญในครั้งนี้”
“ประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์สูงเนื่องจากประเทศไทยยังมีจำนวนดาต้าเซ็นเตอร์และพื้นที่การเก็บข้อมูลไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ เช่น อินโดนีเซียและมาเลเซียประกอบกับการขยายโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์และข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลควบคู่ไปกับการเสริมความพร้อมด้านพลังงานและนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากBOIซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยโดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ที่ให้นักลงทุนต่างชาติที่จะมาลงทุนในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สามารถถือครองที่ดินได้ ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์สำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจลงทุนของผู้ประกอบธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จากทั่วโลก” นายกฤชปิ่มหทัยวุฒิ กล่าวเสริม
นายไมเคิลแกลนซี่กรรมการผู้จัดการบริษัทโจนส์แลงลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL)กล่าวว่า “ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยมีความจุในการเก็บข้อมูลรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจาก2,500 เมกะวัตต์ในปี2565 เป็น5,000 เมกะวัตต์ในปี2566 การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลในอุตสาหกรรมต่างๆของภูมิภาคโดยสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจีนยังเป็นผู้นำด้วยจำนวนดาต้าเซ็นเตอร์รวมสูงสุด448 แห่งตามมาด้วยออสเตรเลียที่ 306 แห่งและญี่ปุ่นซึ่งมีดาต้าเซ็นเตอร์218 แห่งตัวเลขนี้แสดงถึงความเป็นผู้นำในระบบโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศดังกล่าวในเอเชียแปซิฟิกในขณะที่ประเทศไทยมีดาต้าเซ็นเตอร์เพียง39 แห่งยังตามหลังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ อย่างมาเลเซียที่มี55 แห่งและอินโดนีเซียที่79 แห่งซึ่งตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าศักยภาพการเติบโตของไทยในภาคธุรกิจนี้ยังมีอีกมากมายโดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจดิจิทัลยังเติบโตต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการสนับสนุนจากภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล”
“เมื่อความต้องการบริการดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประเทศไทยซึ่งมีข้อได้เปรียบทั้งในเรื่องที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์และสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดีกลายเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนอนาคตของธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทยต่อไป” นายไมเคิลแกลนซี่ กล่าวเสริม
ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นหนึ่งในกลุ่มสินทรัพย์เพื่อการลงทุนสำคัญที่ขับเคลื่อนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์การจ้างงานและการลงทุนจากต่างประเทศในระบบเศรษฐกิจไทยซึ่งนอกจากโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ยังมีธุรกิจโรงแรมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์รวมถึงธุรกิจด้านสุขภาพเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีส่วนขับเคลื่อนการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้นอกเหนือจากดีลดาต้าเซ็นเตอร์ที่ได้กล่าวมาข้างต้น เจแอลแอลได้เป็นผู้ให้คำแนะนำในการขายโรงแรมไฮแอทรีเจนซี่กรุงเทพสุขุมวิทซึ่งเป็นธุรกรรมการซื้อขายโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปีนี้ เมื่อไม่นานมานี้และเจแอลแอลกำลังให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าของบริษัท ในการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญอีกหลายรายการซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมที่พักและดาต้าเซ็นเตอร์
ภาคธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงกลุ่มสินทรัพย์เพื่อการลงทุนยอดนิยมอื่นๆที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นยังคงดึงดูดการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์จากนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่องและจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในช่วงครึ่งแรกของปี2568