AIS เผยผลประกอบการปี 2565 โชว์ศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมดิจิทัล รายได้รวมโต2.3% ฝั่งธุรกิจเน็ตบ้านโตเหนือตลาด อัดงบลงทุน 27,000 – 30,000 ล้านบาท ขยายโครงข่ายอัจฉริยะ เสริมคุณภาพการให้บริการทุกมิติ รองรับการเติบโตลูกค้าใหม่

AIS ประกาศผลประกอบการปี 2565 ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในทุกมิติ แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก รวมถึงสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป โดยเอไอเอสสามารถทำรายได้รวม 185,485ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% และมีกำไรสุทธิ 26,011 ล้านบาทตอกย้ำสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมด้วยความเป็นผู้นำในตลาดโทรคมนาคมทุกมิติทั้งด้านการให้บริการ และคุณภาพโครงข่าย โดยเฉพาะ 5G ที่วันนี้ AIS มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 2.2 ล้านรายควบคู่กับการรุกขยายฐานลูกค้าเน็ตบ้านอย่างต่อเนื่องทำให้มีอัตราการเติบโตเหนือตลาด สำหรับปี 2566 วางงบลงทุนกว่า 27,000-30,000 ล้านบาทเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความแข็งแกร่งพร้อมรองรับโอกาสและการเข้ามาของลูกค้าใหม่ ทั้งในด้านความครอบคลุมและคุณภาพ    พัฒนาโครงข่ายอัจฉริยะ ตามวิสัยทัศน์ Cognitive Tech-Co

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AISเปิดเผยว่า “ท่ามกลางความท้าทายในการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งปี 2565 ที่ผ่านมา ทั้งภาวะการแข่งขันของตลาดที่รุนแรงอัตราเงินเฟ้อสูงที่ส่งผลต่อต้นทุนพลังงานและกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างไรก็ดีด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนทำให้เรายังคงทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ ทั้งในเชิงรายได้และจำนวนผู้ใช้บริการ พร้อมยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม

ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพการให้บริการและส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ที่วันนี้ AIS ยังคงเป็นผู้ให้บริการที่มีคลื่นความถี่มากสุดในอุตสาหกรรมทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง รวม 1,420 MHz ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบตลอดจนวันนี้เรายังสร้างDigital Ecosystemร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำจากหลากหลายภาคส่วนเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและโซลูชัน”

สำหรับผลประกอบการของปี 2565เอไอเอสทำรายได้รวม 185,485 ล้านบาท เติบโต2.3%เมื่อเทียบกับปีก่อนและมีกำไรสุทธิ26,011ล้านบาทลดลงเล็กน้อย3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนปัจจัยหลักมาจากในฝั่งของต้นทุนที่เจอความท้าทายจากราคาพลังงานและเงินเฟ้อแต่ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเหมาะสม ทำให้เอไอเอสมีEBITDAอยู่ที่ 89,731ล้านบาท ลดลง 1.8% จากปีก่อนและมีEBITDA Marginแข็งแกร่งที่ระดับ48%พร้อมจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 4.24บาทต่อหุ้นโดยสรุปผลการดำเนินงานแยกตามกลุ่มธุรกิจดังนี้

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2565มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า1.9 ล้านราย จากการส่งมอบคุณภาพ และการให้บริการที่เหนือกว่า วันนี้เอไอเอสได้ก้าวข้ามการแข่งขันด้วยราคาในตลาดด้วยการมุ่งสร้างประสบการณ์การดิจิทัลที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือรวม 46 ล้านเลขหมาย ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการรายเดือนที่ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในเชิงรายได้และผู้ใช้บริการ ในส่วนของการให้บริการ5Gที่วันนี้มีลูกค้าอยู่ที่ 6.8 ล้านรายเติบโตก้าวกระโดดจาก 2.2 ล้านราย ในปี 2564 ด้วยการพัฒนาคุณภาพให้บริการบนเครือข่าย 5G ที่เร่งขยายโครงข่ายครอบคลุม 85% ของพื้นที่ประชากรทั่วประเทศ และมากกว่า 99.95% ในพื้นที่กรุงเทพฯ

ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเอไอเอส ไฟเบอร์มีรายได้เติบโตกว่า 19% ในปี 2565 นับเป็นการเติบโตเหนืออุตสาหกรรม ด้านลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 390,000 ราย ทำให้ลูกค้ารวมอยู่ที่ 2.2 ล้านราย ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 16% ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับตลาดเน็ตบ้านด้วยการสร้างมาตรฐานการแข่งขันให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งเทคโนโลยีด้านคุณภาพอย่างการเปิดให้บริการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สาย หรือFixed Wireless Access (FWA) ด้วยเทคโนโลยี 5G mmWaveเป็นครั้งแรกในไทย การร่วมมือ NOKIA ทดลองเทคโนโลยี 25G PON ครั้งแรกในเอเชีย เพื่อนำเสนอบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษ และAIS Fibre ยังเป็นผู้เล่นรายแรกในไทยที่เปิดให้บริการ2Gbps รวมถึงการยกระดับการให้บริการลูกค้าที่พร้อมดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งในมุมการรับรู้ที่ AIS Businessครองแชมป์อันดับ 1 ผู้ให้บริการสำหรับองค์กรและธุรกิจโดยผลสำรวจของ Global Data ที่รวบรวมจากกลุ่มธุรกิจชั้นนำกว่า 200 องค์กร รวมถึงในมุมของรายได้ที่ยังคงสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง26% จากปีก่อนโดยในปีที่ผ่านมา AIS Businessสามารถเชื่อมต่อการทำงานกับองค์กรภาคธุรกิจ ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีและโซลูชัน ที่มุ่งสร้าง Digital Business Ecosystem ให้มีความสมบูรณ์แบบทั้งบริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ด้วยความพร้อมเต็มรูปแบบของ Intelligent Network, Cloud Platforms และ Cyber Securityตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าด้วยการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ พร้อมการสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ ๆ เฉพาะอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Smart Manufacturing, Smart Transportation & Logistics, Smart City & Buildingและ Smart Retail

ธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิสยังคงมุ่งนำศักยภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยี มาออกแบบบริการดิจิทัลที่สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าและคนไทย ทั้งในแง่ของประสบการณ์ด้านคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นDisney+ Hotstarผู้ให้บริการคอนเทนต์วิดีโอแพลตฟอร์มระดับโลกหรือแม้แต่การเป็นศูนย์รวมคอนเทนต์กีฬา อาทิฟุตบอลไทยลีก, ฟุตซอลไทยแลนด์ลีก,Golf LPGA, ลีกบาสเกตบอล3x3BL, รายการ ONE Championshipรวมถึงวันนี้ AIS ยังคงต่อยอดบริการดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างรอบด้าน อาทิ บริการประกันดิจิทัลจาก AIS Insurance Serviceรวมถึงบริการช่องทางชำระเงินออนไลน์ผ่าน mPAY PGW – Payment Link solutionเพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้จ่ายที่ง่าย สะดวกสบาย ปลอดภัย

“สำหรับภาพรวมผลงานปี2565ของ AIS ถือว่าอยู่ในระดับน่าพึงพอใจโดยในปีนี้AIS ยังเดินหน้าลงทุนเพื่อคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมงบลงทุนกว่า 27,000 – 30,000 ล้านบาทเพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Cognitive Tech-Co หรือการเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมอัจฉริยะด้วยการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความแข็งแรง เพิ่มขีดความสามารถของโครงข่ายให้มีความอัจฉริยะผ่านการใช้AI, Data Analytic ในระดับสูง ตามมาตรฐานโครงข่ายระดับโลก เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการทำงานกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ที่เราพร้อมสนับสนุนการเติบโตร่วมกัน และยกระดับเศรษฐกิจจากฐานรากสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อประเทศต่อไป”นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *